tradingkey.logo

AUD/USD แกว่งตัวต่ำกว่า 0.6300 ก่อนข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ

FXStreet12 มี.ค. 2025 เวลา 11:12
  • AUD/USD ยังคงไซด์เวย์ต่ำกว่า 0.6300 ขณะที่นักลงทุนรอข้อมูล CPI ของสหรัฐฯ สำหรับเดือนกุมภาพันธ์
  • ดอลลาร์สหรัฐยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันท่ามกลางความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น
  • สงครามการค้าสหรัฐ-จีนทำให้ความน่าดึงดูดใจของดอลลาร์ออสเตรเลียลดลง

คู่ AUD/USD ซื้อขายในกรอบแคบต่ำกว่าระดับสำคัญที่ 0.6300 ในตลาดลงทุนยุโรปวันพุธ คู่เงินออสซี่ไซด์เวย์ขณะที่นักลงทุนรอข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐอเมริกาสำหรับเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งจะประกาศในเวลา 12:30 GMT

นักลงทุนรอข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เพื่อรับสัญญาณใหม่เกี่ยวกับการที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤษภาคมหรือไม่ ในการประชุมทางนโยบายในสัปดาห์หน้า เฟดมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25%-4.50% ตามที่คาดไว้ โดยจากเครื่องมือ CME FedWatch มีโอกาส 42% ที่ธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 10.4% ที่เห็นเมื่อเดือนที่แล้ว

รายงาน CPI ของสหรัฐฯ คาดว่าจะบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีต่อปีเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลงที่ 2.9% เมื่อเปรียบเทียบกับการเพิ่มขึ้น 3% ที่เห็นในเดือนมกราคม ในช่วงเวลาเดียวกัน CPI พื้นฐาน – ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน – คาดว่าจะชะลอตัวลงที่ 3.2% จากการประกาศก่อนหน้าที่ 3.3%

ก่อนที่จะมีการประกาศข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจากระดับต่ำสุดในรอบสี่เดือนที่ 103.35 ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ยังคงอยู่ในภาวะอ่อนตัวเนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันอังคาร ความคิดเห็นจากรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ฮาวเวิร์ด ลุตนิก ระบุว่านโยบายของทรัมป์ทำให้เกิดความกังวลว่าพวกเขาอาจนำไปสู่ภาวะถดถอย

ในขณะเดียวกัน การปรับตัวขึ้นของดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) ยังคงถูกจำกัดท่ามกลางความกลัวว่าสงครามการค้าสหรัฐ-จีนอาจส่งผลให้กิจกรรมทางธุรกิจในออสเตรเลียลดลงอย่างรวดเร็ว โดยออสเตรเลียพึ่งพาการส่งออกไปยังจีนอย่างมาก จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ ได้กำหนดภาษี 20% สำหรับการนำเข้าจากจีน

US Dollar FAQs

ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นสกุลเงินที่ใช้อย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกา และเป็นสกุลเงินที่ใช้ 'โดยพฤตินัย' ของประเทศอื่น ๆ จำนวนมากที่มีการหมุนเวียนควบคู่ไปกับสกุลเงินท้องถิ่น เป็นสกุลเงินที่มีการซื้อขายกันมากที่สุดในโลก โดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 88% ของมูลค่าการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทั่วโลก หรือมีมูลค่าธุรกรรมเฉลี่ย 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวันตามข้อมูลของปี 2022 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สกุลเงิน USD เข้ามารับช่วงต่อตำแหน่งสกุลเงินสำรองของโลกจากสกุลเงินปอนด์ของอังกฤษที่เป็นในประวัติศาสตร์ใหญ่ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้ถูกค้ำด้วยทองคำ จนกระทั่งเกิดข้อตกลง Bretton Woods ในปี 1971 เมื่อมาตรฐานการค้ำด้วยทองคำหมดไป

ปัจจัยเดียวที่สำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐคือนโยบายทางการเงินซึ่งกำหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เฟดมีหน้าที่สองประการ: เพื่อให้บรรลุเสถียรภาพด้านราคา (ควบคุมอัตราเงินเฟ้อ) และส่งเสริมการจ้างงานเต็มรูปแบบ เครื่องมือหลักในการบรรลุเป้าหมายทั้งสองนี้คือการปรับอัตราดอกเบี้ย เมื่อราคาต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้นเร็วเกินไปและอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด ทางเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งจะหนุนค่าเงิน USD แต่เมื่ออัตราเงินเฟ้อลดลงต่ำกว่า 2% หรืออัตราการว่างงานสูงเกินไป เฟดอาจเลือกปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อสกุลเงินดอลลาร์

ในสถานการณ์ที่รุนแรงมากจริง ๆ ทาง Federal Reserve ยังสามารถพิมพ์ดอลลาร์ออกมาเพิ่มเติมและออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ได้ การทำ QE เป็นกระบวนการที่เฟดเพิ่มการไหลเวียนของสินเชื่อในระบบการเงินที่ติดขัดอยู่อย่างมาก โดยเป็นมาตรการทางนโยบายที่ไม่ได้เป็นมาตรฐานซึ่งใช้เมื่อสินเชื่อหมดเนื่องจากธนาคารจะไม่ให้กู้ยืมระหว่างกัน (เพราะกลัวคู่สัญญาจะผิดนัดชำระหนี้) ก็เป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อการลดอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวไม่น่าจะบรรลุผลลัพล์ที่จำเป็น ถือเป็นเครื่องทางเลือกสุดท้ายของเฟดในการต่อสู้กับวิกฤติสินเชื่อที่เกิดขึ้นระหว่างวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ในปี 2008 โดยเกี่ยวข้องกับการที่เฟดพิมพ์เงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นและใช้เงินเหล่านั้นเพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสถาบันการเงินต่าง ๆ การทำ QE มักจะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง

การกระชับเชิงปริมาณ (QT) เป็นกระบวนการย้อนกลับของการทำ QE โดยที่ Federal Reserve จะหยุดซื้อพันธบัตรจากสถาบันการเงินและไม่นำเงินต้นไปลงทุนใหม่จากพันธบัตรที่ถืออยู่เพื่อซื้อใหม่ ซึ่งมักจะเป็นปัจจัยบวกสำหรับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลที่ให้ไว้บนเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน
Tradingkey

บทความที่เกี่ยวข้อง

Tradingkey
KeyAI