NZD/USD ซื้อขายสูงขึ้นมาที่บริเวณระดับ 0.5900 ในช่วงเช้าของเซสชั่นยุโรปในวันอังคาร ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) ดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (USD) หลังจากแตะระดับต่ำสุดในรอบสามเดือนที่ 0.5857 ในวันจันทร์
คู่ NZD/USD อาจแข็งค่าขึ้นอีก เนื่องจากนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ไม่เปลี่ยนแปลงในวันพุธ อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์คาดว่าจะเห็นการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนกันยายน โดยเครื่องมือ CME FedWatch บ่งชี้ถึงความน่าจะเป็น 100% ที่ตลาดมองว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ สัญญาณของอัตราเงินเฟ้อที่เย็นตัวลงและสภาวะตลาดแรงงานที่ผ่อนคลายในสหรัฐฯ ได้กระตุ้นความคาดหวังของเฟดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยสามครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Bank of America ระบุว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในสหรัฐอเมริกาทําให้คณะกรรมการตลาดเปิดของรัฐบาลกลาง (FOMC) สามารถ "รอ" ก่อนที่จะทําการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ได้ โดยทางธนาคารระบุว่าเศรษฐกิจ "ยังคงแข็งแกร่ง" และยังคงคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม
เทรดเดอร์ยังรอคอยการรายงานข้อมูลสําคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ การจ้างงานนอกภาคการเกษตรคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตําแหน่งในเดือนกรกฎาคม ลดลงจาก 206,000 ตําแหน่งในเดือนมิถุนายน อัตราการว่างงานคาดว่าจะคงที่ที่ 4.1% ซึ่งตรงกับระดับสูงสุดของปี 2021 นอกจากนี้ รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน
ตัวเลข GDP ที่น่าผิดหวังในจีนและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ไม่มีใครคาดคิดโดยธนาคารประชาชนจีน (PBOC) เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้เพิ่มแรงกดดันในการขายต่อดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) เนื่องจากนิวซีแลนด์และจีนเป็นเป็นเทศคู่ค้าที่ใกล้ชิด ทำให้การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในเศรษฐกิจจีนอาจส่งผลกระทบต่อตลาดดอลลาร์นิวซีแลนด์
อย่างไรก็ตาม การเก็งที่เพิ่มขึ้นสําหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นโดยธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ในสัปดาห์หน้ายังคงกำลังกดดันต่อเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ ตอนนี้ตลาดกําลังประเมินราคาในโอกาส 44% ที่จะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนสิงหาคมของธนาคารกลางนิวซีแลนด์
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่ากีวี เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันดีในหมู่นักลงทุน มูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวถูกกําหนดโดยความแข็งแรงของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และนโยบายจากธนาคารกลางภายในประเทศ ถึงกระนั้น ก็มีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่สามารถทําให้ NZD เคลื่อนไหวได้อย่างเช่น ผลการดําเนินงานของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยับราคากีวี เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เช่นหากมีข่าวร้ายสําหรับเศรษฐกิจจีนก็มักจะหมายถึงการส่งออกของนิวซีแลนด์ไปยังประเทศจีนที่จะน้อยลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน อีกปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ NZD เคลื่อนไหวอย่างเจาะจงคือราคานม เนื่องจากอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ ราคานมที่สูงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและต่อสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตั้งเป้าที่จะบรรลุและรักษาอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% ในระยะกลาง โดยมุ่งเน้นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้จุดกึ่งกลางที่ 2% ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงจะกําหนดระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป RBNZ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทําให้เศรษฐกิจเย็นตัวลง แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะลงทุนในประเทศและช่วยหนุนค่าเงิน NZD ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ NZD อ่อนค่าลง ด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า Rate Differential ในนิวซีแลนด์คือระดับของอัตราดอกเบี้ยในนิวซีแลนด์หรือที่ธนาคารกลางคาดการณ์ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นหรือกําหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ ยังสามารถมีบทบาทสําคัญในการขยับคู่เงิน NZD/USD
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคในนิวซีแลนด์เป็นกุญแจสําคัญในการประเมินสถานะทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การว่างงานต่ำและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่สูงเป็นปัจจัยบวกสําหรับ NZD การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้มาพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางกลับกันหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ สกุลเงิน NZD ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ต้องมีความกล้าเสี่ยง หรือแม้เมื่อนักลงทุนรับรู้ว่าความกล้าเสี่ยงของด้านตลาดในวงกว้างอยู่ในระดับต่ำแต่มีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตการเติบโต สถานการณ์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะนําไปสู่แนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และสกุลเงินแบบที่เรียกว่า 'สกุลเงินสายสินค้าโภคภัณฑ์' อย่างเช่นกีวีด้วย NZD มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนหรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหลบไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีเสถียรภาพมากกว่า