NZD/USD อ่อนค่าลงเข้าใกล้ 0.6100 ในช่วงเซสชั่นเอเชียของวันจันทร์ การปรับตัวลดลงนี้อาจเชื่อมโยงกับรายงานดัชนีผลลัพท์ภาคการบริการ (PSI) ในธุรกิจนิวซีแลนด์ ซึ่งลดลงมาอยู่ที่ 40.2 ในเดือนมิถุนายน นับเป็นการลดลงในรายเดือนติดต่อกันเป็นครั้งที่สี่และเป็นระดับกิจกรรมทางธุรกิจที่ต่ำที่สุดเป็นเวลาหนึ่งเดือนที่ไม่ได้มีการล็อกดาวน์จากโควิด ตัวเลขในเดือนก่อนหน้านี้อยู่ที่ 42.6
Kelly Eckhold หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Westpac กล่าวในการวิเคราะห์และคาดการณ์ในสัปดาห์นี้ว่า การคาดการณ์การเติบโตของธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ถูกปรับลดระดับลงอย่างเห็นได้ชัด ที่สําคัญกว่านั้นคือทาง RBNZ มีความมั่นใจมากขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อประจําปีจะลดลงต่ำกว่า 3% ในไม่ช้า คุณ Eckhold คาดการณ์ว่า RBNZ จะเริ่มผ่อนคลายนโยบายในเดือนกุมภาพันธ์ของปีหน้า แม้ว่าจะเป็นไปได้ในการปรับลดดอกเบี้ยก่อนหน้านั้นและจะขึ้นอยู่กับข้อมูลต่าง ๆ ที่ออกมา
ในประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าชั้นนําของนิวซีแลนด์ ได้เห็นตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 2 คาดว่าจะรายงานวันจันทร์ การคาดการณ์ของตลาดบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงเนื่องจากความท้าทายต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะเริ่มการประชุมครั้งที่ 3 ในวันนี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสําคัญที่สามารถกําหนดทิศทางเศรษฐกิจระยะยาวของประเทศได้
การฟื้นตัวของดอลลาร์สหรัฐ (USD) กําลังสร้างแรงกดดันต่อคู่ NZD/USD โดยความต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากการพยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เมื่อวันเสาร์ นักวิเคราะห์แนะนําว่าหากเหตุการณ์นี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการชนะเลือกตั้งของทรัมป์ อาจนําไปสู่สิ่งที่เรียกว่า 'การซื้อขายเพราะทรัมป์ชนะ' ซึ่งอาจรวมถึงดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นและเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ชันขึ้น
แม้ว่าตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ จะร้อนแรงกว่าที่คาดการณ์ในวันศุกร์ แต่ USD ยังคงไม่ได้รับผลกระทบใดโดยส่วนใหญ่ ดัชนี PPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 3.0% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนมิถุนายน สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 2.5% และตัวเลขรายงานครั้งก่อนหน้านี้ที่ 2.6% นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นของมิชิแกนยังออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนกรกฎาคม โดยอยู่ที่ 66.0 เทียบกับ 68.5 ที่คาดการณ์ไว้และที่ 68.2 ก่อนหน้านี้
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่ากีวี เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันดีในหมู่นักลงทุน มูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวถูกกําหนดโดยความแข็งแรงของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และนโยบายจากธนาคารกลางภายในประเทศ ถึงกระนั้น ก็มีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่สามารถทําให้ NZD เคลื่อนไหวได้อย่างเช่น ผลการดําเนินงานของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยับราคากีวี เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เช่นหากมีข่าวร้ายสําหรับเศรษฐกิจจีนก็มักจะหมายถึงการส่งออกของนิวซีแลนด์ไปยังประเทศจีนที่จะน้อยลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน อีกปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ NZD เคลื่อนไหวอย่างเจาะจงคือราคานม เนื่องจากอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ ราคานมที่สูงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและต่อสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตั้งเป้าที่จะบรรลุและรักษาอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% ในระยะกลาง โดยมุ่งเน้นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้จุดกึ่งกลางที่ 2% ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงจะกําหนดระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป RBNZ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทําให้เศรษฐกิจเย็นตัวลง แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะลงทุนในประเทศและช่วยหนุนค่าเงิน NZD ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ NZD อ่อนค่าลง ด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า Rate Differential ในนิวซีแลนด์คือระดับของอัตราดอกเบี้ยในนิวซีแลนด์หรือที่ธนาคารกลางคาดการณ์ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นหรือกําหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ ยังสามารถมีบทบาทสําคัญในการขยับคู่เงิน NZD/USD
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคในนิวซีแลนด์เป็นกุญแจสําคัญในการประเมินสถานะทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การว่างงานต่ำและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่สูงเป็นปัจจัยบวกสําหรับ NZD การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้มาพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางกลับกันหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ สกุลเงิน NZD ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ต้องมีความกล้าเสี่ยง หรือแม้เมื่อนักลงทุนรับรู้ว่าความกล้าเสี่ยงของด้านตลาดในวงกว้างอยู่ในระดับต่ำแต่มีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตการเติบโต สถานการณ์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะนําไปสู่แนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และสกุลเงินแบบที่เรียกว่า 'สกุลเงินสายสินค้าโภคภัณฑ์' อย่างเช่นกีวีด้วย NZD มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนหรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหลบไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีเสถียรภาพมากกว่า