นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้ในการลงทุนในวันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม:
การดําเนินการในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศยังคงลดต่ำลงในช่วงครึ่งหลังของสัปดาห์นี้ หลังจากเห็นแถลงการณ์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐ นายเจอโรมพาวเวลล์เป็นเวลาสองวัน ปฏิทินเศรษฐกิจในวันพฤหัสบดีจะแสดงข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ สําหรับเดือนมิถุนายน ซึ่งมีศักยภาพที่จะเพิ่มความผันผวนในตลาดได้ ผู้เข้าร่วมจะจับตาดูรายงานจํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรายสัปดาห์จากสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด
ตารางด้านล่างแสดงเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เทียบกับสกุลเงินหลักที่ระบุไว้ สัปดาห์นี้ ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าที่สุดเมื่อเทียบกับ ปอนด์สเตอร์ลิง
USD | EUR | GBP | JPY | CAD | AUD | NZD | CHF | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
USD | 0.00% | -0.40% | 0.57% | -0.10% | -0.10% | 0.74% | 0.33% | |
EUR | -0.00% | -0.20% | 0.91% | 0.22% | 0.07% | 1.08% | 0.66% | |
GBP | 0.40% | 0.20% | 1.06% | 0.44% | 0.27% | 1.29% | 0.86% | |
JPY | -0.57% | -0.91% | -1.06% | -0.65% | -0.63% | 0.34% | -0.19% | |
CAD | 0.10% | -0.22% | -0.44% | 0.65% | -0.03% | 0.84% | 0.44% | |
AUD | 0.10% | -0.07% | -0.27% | 0.63% | 0.03% | 1.01% | 0.60% | |
NZD | -0.74% | -1.08% | -1.29% | -0.34% | -0.84% | -1.01% | -0.41% | |
CHF | -0.33% | -0.66% | -0.86% | 0.19% | -0.44% | -0.60% | 0.41% |
แผนที่ความร้อนแสดงเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของสกุลเงินหลักเมื่อเทียบกัน สกุลเงินหลักจะถูกเลือกจากคอลัมน์ด้านซ้าย ในขณะที่สกุลเงินอ้างอิงจะถูกเลือกจากแถวบนสุด ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือก ดอลลาร์สหรัฐ จากคอลัมน์ด้านซ้าย และเลื่อนไปตามเส้นแนวนอนไปยัง เยนญี่ปุ่น เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงที่แสดงในกล่องจะแสดงถึง USD (สกุลเงินหลัก)/JPY (สกุลเงินรอง).
ประธานเฟดพาวเวลล์กล่าวย้ำคําแถลงที่เตรียมไว้ต่อหน้าคณะกรรมการบริการทางการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันพุธ และหลีกเลี่ยงจากการส่งสัญญาณใหม่ ๆ เกี่ยวกับช่วงเวลาของการเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามดัชนีหลักของตลาด Wall Street เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงกลางสัปดาห์ และทําให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) รวบรวมแรงการแข็งค่าขึ้นได้อย่างยากลำบากเมื่อเทียบกับสกุลเงินคู่แข่งรายใหญ่อื่น ๆ หลังจากบันทึกการอ่อนตัวลงเล็กน้อยในวันพุธ โดยดัชนีดอลลาร์สหรัฐทรงตัวที่ประมาณ 105.00 ในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดี เมื่อเทียบเป็นรายปี ดัชนี CPI คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 3.1% ในขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐานคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.4%
ด้านข้อมูลที่เผยแพร่โดยสํานักงานสถิติแห่งชาติของสหราชอาณาจักร (UK) แสดงให้เห็นในการประชุมของสภาภาพยุโรปว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศขยายตัว 0.4% เมื่อเทียบรายเดือนในเดือนพฤษภาคม ตัวเลขนี้ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 0.2% แล้วหลังจากปิดตลาดในแดนบวกในวันพุธ ตอนนี้ GBP/USD ยังคงพยายามดันระดับให้สูงขึ้นและล่าสุดมีการซื้อขายที่ระดับที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม ที่เหนือระดับ 1.2850
EUR/USD ได้รับอานิสงส์จากแรงขายเล็กน้อยของสกุลเงิน USD ในช่วงท้ายวันพุธและปิดกราฟรายวันในแดนบวก คู่เงินนี้ยืนหยัดบนฐานราคาใหม่ในวันพฤหัสบดีและขยับสูงขึ้นไปที่ 1.0850
สถาบันเมลเบิร์นรายงานในระหว่างตลาดเซสชั่นเอเชียว่า การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคลดลงเหลือ 4.3% ในเดือนกรกฎาคมจากที่ 4.4% ด้านคู่เงิน AUD/USD ส่วนใหญ่เพิกเฉยต่อการรายงานข้อมูลนี้ และล่าสุดคู่สกุลเงินดังกล่าวซื้อขายสูงขึ้นเล็กน้อยในรายวัน ที่เหนือระดับ 0.6750 เล็กน้อย
USD/JPY อยู่ในช่วงเวลาของการพักฐานเหนือ 161.50 หลังจากปิดกราฟสามวันแรกของสัปดาห์นี้ในแดนบวก ข้อมูลจากญี่ปุ่นแสดงให้เห็นว่าคําสั่งซื้อเครื่องจักรลดลง 3.2% เมื่อเทียบรายเดือนในเดือนพฤษภาคม
ราคาทองคําปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ $2,390 ในวันพุธ แต่สูญเสียการวิ่งขึ้นรายวันส่วนใหญ่ในช่วงเวลาการซื้อขายของอเมริกา คู่ XAU/USD พยายามอย่างยากลำบากเพื่อรวบรวมโมเมนตัมขาขึ้น แต่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในรายวัน ที่ใกล้ $2,380 ในช่วงเช้าของเซสชั่นยุโรป
อัตราเงินเฟ้อวัดการเพิ่มขึ้นของราคาในตะกร้าสินค้าและบริการที่เป็นตัวอ้างอิง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมักแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงแบบเทียบเดือนต่อเดือน (MoM) และแบบปีต่อปี (YoY) อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะไม่รวมองค์ประกอบที่มีความผันผวนสูงเช่น อาหารและเชื้อเพลิง ปัจจัยเหล่านี้อาจผันผวนเพราะสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเป็นตัวเลขที่นักเศรษฐศาสตร์ให้ความสำคัญและเป็นตัวเลขที่ธนาคารกลางใช้อ้างอิงในการกำหนดเป้าหมาย ธนาคารกลางฯ นิยมคงอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ โดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 2%
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาตะกร้าสินค้าและบริการในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง โดยปกติ CPI จะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงแบบเดือนต่อเดือน (MoM) และแบบปีต่อปี (YoY) CPI หลักคือตัวเลขที่ธนาคารกลางใช้กำหนดราคาเป้าหมาย เพราะ CPI ทั่วไปไม่รวมปัจจัยเช่นการผลิตอาหารและเชื้อเพลิงที่มีความผันผวน ดังนั้น เมื่อ CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% จึงมักจะส่งผลให้ธนาคารกลางปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อ CPI ลดลงต่ำกว่า 2% เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง จึงเป็นผลดีต่อสกุลเงิน อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นมักส่งผลให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้น และตรงกันข้าม สกุลเงินจะอ่อนค่าเมื่ออัตราเงินเฟ้อลดลง
แม้ว่าอาจดูเหมือนขัดกับภาพความเป็นจริงที่เห็น แต่อัตราเงินเฟ้อในประเทศที่สูงจะผลักดันมูลค่าของสกุลเงินของประเทศนั้นๆ ให้สูงขึ้นเพราะการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งดึงดูดเงินจากนักลงทุนทั่วโลกไหลเข้าประเทศเพราะพวกเขากำลังมองหาสถานที่ที่มีกำไรเพื่อฝากเงินของพวกเขา
ในอดีต ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนหันไปพึ่งพาในช่วงเวลาที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง เนื่องจากทองคำยังคงรักษามูลค่าไว้ได้ นอกจากนี้ ในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนอย่างรุนแรง นักลงทุนมักจะซื้อทองคำด้วยสถานะการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ใจปัจจุบันมักไม่ได้เป็นเช่นนั้นเพราะเมื่อเมื่ออัตราเงินเฟ้อสูง ธนาคารกลางต่างๆ มักจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อ
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นไม่เป็นผลดีต่อทองคำ เนื่องจากทำให้ต้นทุนโอกาสในการถือครองทองคำลดลงเพราะเป็นสินทรัพย์ที่ดอกเบี้ยไม่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการนำเงินไปฝากในบัญชีเงินสด ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมีแนวโน้มที่จะส่งผลบวกต่อทองคำ เพราะจะทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง ทำให้โลหะมีค่าเป็นทางเลือกการลงทุนที่มีโอกาสมากขึ้น