tradingkey.logo

คาดการณ์ราคาเงิน: XAGUSD ขยายขาขึ้นใกล้ $33.00

FXStreet5 มี.ค. 2025 เวลา 22:52
  • โลหะเงินพุ่งทะลุ $32.00 มองหาแนวต้านสําคัญที่ $33.00 และ $33.20
  • RSI ส่งสัญญาณความแข็งแกร่งขาขึ้น โดยการเคลื่อนไหวของราคาแสดงจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น
  • ความเสี่ยงด้านขาลงเกิดขึ้นหาก XAG/USD ตกต่ำกว่า $32.00 โดยมีแนวรับที่ $31.50 และ SMA 100 วันที่ $31.21

ราคาโลหะเงินปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สามนับตั้งแต่แตะจุดต่ำสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาใกล้ $31.81 โดยเพิ่มขึ้นกว่า 2.14% ในช่วงท้ายของเซสชันในอเมริกาเหนือ และซื้อขายอยู่ที่ $32.63 โดยมีความอ่อนแอของดอลลาร์สหรัฐแม้จะมีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ลดลง

การคาดการณ์ราคา XAG/USD: แนวโน้มทางเทคนิค

โลหะสีเทาเคลียร์ระดับ $32.00 และพุ่งขึ้นไปที่ $33.00 โดยปิดเซสชันวันพุธใกล้ $32.83 โมเมนตัมมีแนวโน้มไปในทิศทางขาขึ้น โดยการเคลื่อนไหวของราคาแสดงจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น ขณะที่ดัชนี Relative Strength Index (RSI) มุ่งไปข้างสูงขึ้นไปยังจุดสูงสุดก่อนหน้า

ดังนั้น แนวต้านแรกของ XAG/USD จะอยู่ที่ $33.00 หากมีความแข็งแกร่งเพิ่มเติม ระดับแนวต้านสําคัญจะถูกเปิดเผย เช่น จุดสูงสุดวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ $33.20 ตามด้วยจุดสูงสุดในรอบวัฏจักรวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ $33.39

ในทางกลับกัน หาก XAG/USD ตกต่ำกว่า $32.00 แนวรับถัดไปจะอยู่ที่บริเวณ $31.50 ก่อนที่ผู้ขายจะสามารถท้าทาย SMA 100 วันที่ $31.21 หากมีความอ่อนแอเพิ่มเติม แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ $31.00 ตามด้วย SMA 200 วันที่ $30.48

กราฟราคา XAG/USD – รายวัน

โลหะเงิน FAQs

แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ

ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน

โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน

ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลที่ให้ไว้บนเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน

บทความที่เกี่ยวข้อง

KeyAI