tradingkey.logo

บริษัทมหาชนใดบ้างที่ถือ Bitcoin และหุ้นของพวกเขาทำผลงานอย่างไร?

TradingKey
ผู้เขียนBlock Tao
2 ก.ค. 2025 เวลา 11:19

บทนำ: Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์สำรององค์กร

TradingKey – ขณะที่ Bitcoin (BTC) พัฒนาจากสินทรัพย์เก็งกำไรสู่เครื่องมือสำรองคลัง บริษัทมหาชนหลายแห่งหันมาเพิ่ม BTC ในงบดุลเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางการเงิน พวกเขามอง Bitcoin ไม่เพียงแต่เป็น “ทองคำดิจิทัล” เพื่อป้องกันเงินเฟ้อ แต่ยังเป็นเครื่องมือดึงดูดนักลงทุน สร้างมูลค่าแบรนด์ และเพิ่มมูลค่าตลาด

บทความนี้จะเน้นบริษัทมหาชนที่ถือ Bitcoin มากที่สุด วิเคราะห์ผลการดำเนินงานของหุ้น และสะท้อนแนวทางที่นักลงทุนควรใช้ประเมินบริษัทกลุ่มนี้

ทำไมบริษัทมหาชนถึงซื้อ Bitcoin?

ในขณะที่บางคนมองว่าการซื้อ BTC ขององค์กรเป็นเพียงการตามกระแส แต่บริษัทส่วนใหญ่มีแรงจูงใจเชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจน ซึ่งมักแบ่งออกเป็นห้าหมวดหมู่:

แรงจูงใจ

คำอธิบาย

ป้องกันเงินเฟ้อ

ซัพพลายของ Bitcoin ที่จำกัดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญ ช่วยปกป้องมูลค่าจากการลดค่าของสกุลเงินทั่วไป

กระจายพอร์ตการลงทุน

การแปลงสภาพเงินสดเป็น BTC ช่วยเพิ่มผลตอบแทนและลดการพึ่งพาสินทรัพย์แบบดั้งเดิม

การใช้เลเวอเรจทางการเงิน

บางบริษัทออกตราสารหนี้หรือเพิ่มทุนเพื่อนำเงินมาซื้อ BTC ทำให้เกิดประสิทธิภาพด้านทุนสูงขึ้น

การวางตำแหน่งแบรนด์

การถือ BTC สื่อถึงภาพลักษณ์นวัตกรรมและดึงดูดนักลงทุนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี

ตัวเร่งราคาหุ้น

ราคาของ BTC ที่ปรับตัวขึ้นช่วยยกระดับมูลค่าสินทรัพย์สุทธิและดึงดูดเงินทุนสถาบัน

บริษัทมหาชนที่ถือ Bitcoin สูงสุด

ข้อมูลจาก coingecko ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2025 ระบุว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 34 แห่ง ถือ Bitcoin ราว 730,000 BTC คิดเป็น 3.66% ของซัพพลายทั้งหมด

ในบรรดาบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก บริษัท Strategy (เดิมชื่อ MicroStrategy) (MSTR) เป็นผู้ถือ Bitcoin รายใหญ่ที่สุด โดยถือครองรวม 576,000 BTC จึงได้รับฉายาว่า
“บริษัทเงาของ Bitcoin” ตามด้วยบริษัททำเหมือง Marathon Digital (MARA) ที่ถือ 46,000 BTC และบริษัท Riot Platforms (RIOT) อันดับสาม ที่ถือ Bitcoin มากกว่า 18,000 BTC

altText

อันดับสิบแรกตามปริมาณการถือ BTC แหล่งที่มา: coingecko

หุ้นของบริษัทที่ถือ Bitcoin ทำผลงานอย่างไร?

ผลการดำเนินงานของหุ้นกลุ่มนี้มักสอดคล้องกับราคาของ Bitcoin เมื่อ BTC ปรับตัวขึ้น บริษัทเหล่านี้จะได้อานิสงส์จากมูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นและความเชื่อมั่นของนักลงทุน แต่หาก BTC ร่วง หุ้นอาจปรับตัวลงแรงโดยเฉพาะในกรณีที่ใช้เลเวอเรจ

Strategy (MSTR)
- แนวทาง: เริ่มสะสม BTC ตั้งแต่ปี 2020 ผ่านการออกหุ้นกู้และเพิ่มทุน
- ตำแหน่งกลยุทธ์: ถูกมองเป็น “ตัวแทน ETF Bitcoin” ในสายตาสถาบัน
- ผลการดำเนินงาน: ปรับตัวขึ้น 3,000% ใน 5 ปี เทียบกับ BTC ที่ขึ้น 1,000%


altText
การขึ้นลงของ BTC (สีน้ำเงิน) และ Strategy (สีเหลือง) ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ที่มา: Google

Marathon Digital (MARA)
- โมเดลธุรกิจ: ทำเหมืองและถือ BTC อย่างต่อเนื่อง พร้อมขยายกำลังขุด
- ผลการดำเนินงาน: ขึ้น 1,600% ใน 5 ปี และพุ่ง 8,000% ในปี 2021 ขณะตลาดกระทิง

altText
การขึ้นลงของ BTC (สีน้ำเงิน) และ Marathon Digital (สีเหลือง) ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ที่มา: Google

Metaplanet
- กลยุทธ์: นำโมเดลคลัง BTC มาใช้ในพฤษภาคม 2024 ตามรอย Strategy
- ผลการดำเนินงาน: แม้จะตามหลัง BTC จนถึงพฤษภาคม 2025 แต่ภายหลังปรับตัวขึ้นแซงหน้า และกลายเป็นดาวเด่นในตลาดเอเชีย

altText
การขึ้นลงของ BTC (สีน้ำเงิน) และ Metaplanet (สีเหลือง) ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ที่มา: Google

ไม่ใช่ทุกบริษัทจะได้ประโยชน์ เช่น GameStop (GME) ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงแม้จะเพิ่ม Bitcoin ในงบดุล

ข้อคิดสำหรับนักลงทุน: การสร้างสมดุลระหว่างโอกาสและความเสี่ยง

นักลงทุนควรมองบริษัทถือ BTC อย่างรอบคอบ บริษัทเหล่านี้ให้อัพไซด์สูงในช่วงตลาดขาขึ้น แต่ก็มีความผันผวนสูงในช่วงขาลง ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา:
- ความสามารถยอมรับความเสี่ยง: คุณพร้อมรับความผันผวนจากราคา BTC ได้แค่ไหน?
- การรับเลเวอเรจ: การซื้อ BTC ของบริษัทมาจากการก่อหนี้หรือการเพิ่มทุน?
- ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ: บริษัทได้รับผลกระทบจากนโยบายคริปโตที่เปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด?

การกระจายการลงทุนสำคัญ หลีกเลี่ยงการถือหุ้นกลุ่มคริปโตเป็นหลักเพียงตัวเดียว

บทสรุป: ยุคองค์กรถือ Bitcoin มาถึงแล้ว

Bitcoin ไม่ใช่แค่สินทรัพย์เก็งกำไร แต่กลายเป็นเครื่องมือสำรองคลังหลักขององค์กร ตั้งแต่ Strategy ไปจนถึง Metaplanet และจากผู้ขุดถึงฟินเทค บริษัทผู้ถือ BTC กำลังรังสรรค์โฉมการเงินใหม่ แต่ด้วยเลเวอเรจสูงและมูลค่าที่สูงลิบ นักลงทุนต้องเดินหน้าอย่างระมัดระวัง

ตรวจสอบโดยYulia Zeng
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: เนื้อหาของบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น และไม่ได้สะท้อนท่าทีอย่างเป็นทางการของ Tradingkey ไม่ควรถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น และผู้อ่านไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยอิงจากเนื้อหาของบทความนี้เท่านั้น Tradingkey ไม่รับผิดชอบต่อผลการเทรดใด ๆ ที่เกิดจากการพึ่งพาบทความนี้ นอกจากนี้ Tradingkey ไม่สามารถรับประกันความถูกต้องของเนื้อหาบทความ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนใดๆ ขอแนะนำให้ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้

บทความแนะนำ

KeyAI