TradingKey – อินเทล (Intel: INTC) อดีตผู้นำวงการเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2025 ในช่วงหลังตลาดปิดวันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคมนี้ ตลาดกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดว่า ไตรมาสนี้จะเป็น “หลักฐานชิ้นสำคัญ” ที่พิสูจน์ว่าอินเทลสามารถพลิกฟื้นจากภาวะขาดทุนได้จริงหรือไม่
ข้อมูลจาก Seeking Alpha ระบุว่า นักวิเคราะห์วอลล์สตรีทคาดการณ์รายได้ไตรมาส 3 ของอินเทลอยู่ที่ 13,140 ล้านดอลลาร์ — สูงกว่าไตรมาส 2 (12,860 ล้านดอลลาร์) แต่ยังต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน (13,280 ล้านดอลลาร์)
ส่วนกำไรต่อหุ้น (EPS) คาดว่าจะ พลิกจากขาดทุน -0.10 ดอลลาร์ในไตรมาส 2 มาเป็นกำไร 0.01 ดอลลาร์ — นับเป็นการกลับมาทำกำไรครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2024 ที่ขาดทุนหนักถึง 3.88 ดอลลาร์ต่อหุ้น
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวัง:ข้อมูลจาก TipRanks ชี้ว่า ใน 8 ไตรมาสที่ผ่านมา อินเทลมีกำไรเกินคาด 5 ครั้ง แต่ หลังรายงานผลประกอบการ ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเพียง 2 ครั้งเท่านั้น อีก 6 ครั้ง หุ้นร่วงในวันถัดไป ระหว่าง 2.90% ถึง 26.08% — สะท้อนความเสี่ยงสูงของการ “เล่นหุ้นอินเทลรอบรายงานผลประกอบการ”
ขณะเดียวกัน ตลาดคาดการณ์ Polymarket ประเมินว่า โอกาสที่อินเทลจะทำผลงานเกินคาดอยู่ที่ 63%
อินเทลเคยเป็นแกนหลักของอุตสาหกรรมชิปโลก แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทเสียส่วนแบ่งตลาดอย่างรุนแรง จนหลุดจาก 10 อันดับแรกของผู้ผลิตชิประดับโลก เหตุผลหลักคือ:
แต่ภายใต้แนวคิด “Make America Great Again” (MAGA) ของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เข้ามาเป็น “ผู้สนับสนุนเชิงยุทธศาสตร์”
ล่าสุด มีข่าวว่าอินเทลกำลังพยายามโน้มน้าว AMD ให้ย้ายการผลิตชิปจาก TSMC มาใช้โรงงานของอินเทล หากสำเร็จ จะเป็นข่าวดีมหาศาลสำหรับธุรกิจ Foundry ที่ขาดทุนสะสมอย่างหนัก
ในช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมา ธุรกิจโรงงานชิป (Intel Foundry) สร้างรายได้รวม 18,000 ล้านดอลลาร์ แต่ขาดทุนอย่างน้อย 13,000 ล้านดอลลาร์
แม้จะมีข่าวดี แต่ Matt Bryson นักวิเคราะห์จาก Wedbush มองว่า ความร่วมมือเหล่านี้ “เสริมความแข็งแกร่งให้ดุลการเงิน” แต่ “ยังไม่ชัดเจนว่าจะสร้างรายได้ระยะสั้นหรือเปลี่ยนแปลงภาพรวมระยะยาวได้จริงหรือไม่”
อย่างไรก็ตาม เขาเสริมว่า “สภาพแวดล้อมอุตสาหกรรมตอนนี้ดีกว่าที่เราคาดไว้” จึงเชื่อว่า ผลประกอบการจริงและคำแนะนำจากฝ่ายบริหารอาจดีกว่าที่ตลาดคาด
Wedbush จึงยังคงให้คำแนะนำ “เป็นกลาง” (Neutral) แต่ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นจาก 19 เป็น 20 ดอลลาร์
ต้นเดือนตุลาคม อินเทลเปิดตัวสถาปัตยกรรมโปรเซสเซอร์ AI PC รุ่นใหม่ “Panther Lake” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แรกที่ใช้กระบวนการผลิต 18A — ถือเป็นก้าวสำคัญในแผน “4 ปี 5 โหนดกระบวนการผลิต” ที่เคยล่าช้าจากปัญหาด้านประสิทธิภาพและอัตราผลผลิต (yield)
แม้อินเทลจะไม่สามารถเจาะตลาด GPU สำหรับ AI ที่ NVIDIA ครองอยู่ได้ แต่ความต้องการเซิร์ฟเวอร์ CPU ที่ใช้ร่วมกับ GPU กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว — นี่คือช่องทางที่อินเทลยังมีโอกาส
บริษัทวิจัย Equity Armor ชี้ว่า “ตลาดกำลังให้โอกาสอินเทลอย่างมาก” และด้วยความคาดหวังจากพันธมิตรใหม่และผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ บริษัทมี “พื้นที่หายใจ” มากกว่าที่ควรจะได้
แม้จะมีสัญญาณบวก แต่อินเทลยังเผชิญแรงกดดันสองด้าน:
Vivek Arya นักวิเคราะห์จาก Bank of America มองว่า ความร่วมมือกับ NVIDIA “มีผลจำกัด” และอินเทลยังคง “เสียส่วนแบ่งตลาดให้ AMD และ Arm อย่างต่อเนื่อง”
เขาย้ำว่า ราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นมาล่าสุด สะท้อน “ความคาดหวังด้านการปรับปรุงการเงินและความหวังในธุรกิจ Foundry” มากกว่า “ความสำเร็จเชิงผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้”
Frank Lee จาก HSBC ไปไกลกว่า โดยปรับลดคำแนะนำหุ้นอินเทลลง เหตุผลคือ:
นอกจากนี้ Ryuta Mkino จาก Gabelli Funds เตือนว่า:
จนถึงวันที่ 22 ตุลาคม ข่าวการลงทุนและความร่วมมือต่างๆ ได้ผลักดันให้ราคาหุ้นอินเทลปรับตัวสูงขึ้น 84% นับตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้เกิดความกังวลว่า ศักยภาพที่แท้จริงของอินเทลจะสามารถรองรับความคาดหวังเชิงบวกของตลาดในระดับนี้ได้หรือไม่.
ข้อมูลจาก TradingKey ชี้ว่า:
มีเพียงไม่กี่รายที่มองบวก:
อินเทลกำลังอยู่ในช่วง “เปลี่ยนผ่าน” ที่เต็มไปด้วยความหวัง — ทั้งจากเงินทุนรัฐบาล ความร่วมมือกับยักษ์ใหญ่ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแต่ตลาดก็ยัง “ไม่เชื่อจนกว่าจะเห็น” — โดยเฉพาะเมื่อผลประกอบการจริงยังไม่พิสูจน์ได้ว่า กำไรที่พลิกเป็นบวกนี้ “ยั่งยืน” หรือเป็นเพียง “ผลชั่วคราวจากค่าใช้จ่ายที่ควบคุมได้ชั่วคราว”
ดังนั้น แม้ไตรมาส 3 อาจเป็น “สัญญาณเริ่มต้นของการฟื้นตัว” แต่การจะเชื่อว่าอินเทล “กลับมาแล้ว” อย่างเต็มตัว อาจยังเร็วเกินไปอย่าด่วนต่อต้านแนวคิด “พลิกฟื้นกำไร” — แต่ก็อย่าหลงเชื่อจนลืมความเสี่ยง
เนื้อหานี้แปลโดย AI ซึ่งอาจมีข้อผิดพลาดจากข้อจำกัดทางเทคโนโลยีและภาษา จึงไม่สามารถรับประกันความถูกต้อง และความสมบูรณ์ของเนื้อหาได้ทั้งหมด ในการนำข้อมูลไปใช้ โปรดอ้างอิงจากต้นฉบับ และใช้วิจารณญาณประกอบการตัดสินใจ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือความเข้าใจผิดใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้เนื้อหาดังกล่าว