TradingKey - นักลงทุนญี่ปุ่นนำโดยองค์กรเจโทรและหอการค้าญี่ปุ่น ยืนยันถึงความเชื่อมั่นในการขยายการลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะใน 5 สาขาหลัก ได้แก่ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร อาหาร และผลิตภัณฑ์โลหะ พร้อมมีแนวทางสนับสนุนสตาร์ตอัปและอุตสาหกรรมสีเขียว เพื่อปรับตัวต่อโลกการค้าที่เปลี่ยนแปลง
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนจากญี่ปุ่นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2558-มิ.ย.68) ทางรัฐบาลได้รับคำขอยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนทั้งหมดจำนวน 2,620 โครงการ มีมูลค่าเงินรวมกว่า 7 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ รองลงมาได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงเคมีภัณฑ์
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) รายงานว่า จากผลสำรวจล่าสุดขององค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) พบว่านักลงทุนญี่ปุ่นมีมุมมองต่ออนาคตเศรษฐกิจไทยดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบจากรายงานระบบดัชนีเศรษฐกิจซึ่งปรับตัวดีขึ้นจาก -11 ในครึ่งปีหลัง2567 มาเป็น -7 ในครึ่งปีแรกของ2568
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น แต่บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งก็ยังคงให้ความสนใจในการทำธุรกิจต่อไป
โดยบริษัทเหล่านี้ได้แสดงออกถึงความตั้งใจที่จะเพิ่มทุนเข้าลงทุนในประเทศไทย มากมายรวมถึงพื้นที่ที่มีศักยภาพต่าง ๆ เช่น สิ่งทอ เคมีภัณฑ์ ดิจิทัล ธุรกิจบริการ นอกจากจะเปิดทางให้กับกลุ่มสตาร์ตอัปและพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมสีเขียว
นายนฤตม์ กล่าวชื่นชมต่อหน่วยงานรัฐบาลแห่งประเทศไทย ที่ร่วมมือกันสร้างมาตรฐานบริการให้เหมาะสมกับธุรกิจ เช่น การจัดตั้งศูนย์ One Stop Service ของบีโอไอ รวมไปถึงระบบ e-tax ที่ทันสมัย
“ญี่ปุ่นถือว่ามิตรแท้แก่ประเทศไทยมายาวนาน เป็นหนึ่งในนักลงทุนหลักมากที่สุด ซึ่งแม้ประเทศกำลังเผชิญการแข่งขันที่รุนแรง แต่ก็ได้รับมาตราการช่วยเหลือหลายประเด็นเพื่อรองรับนักลงทุน” เขากล่าว
ด้านนายอาเบะ อิจิโระ ประธานเจโทร กรุงเทพฯ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า นักลงทุนญี่ปุ่นยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่ทำธุรกิจ แต่ยังเดินหน้าขยายช่องทางจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่นกัน พร้อมเน้นที่จะส่งเสริมบริการด้านเศรษฐกิจ