Investing.com — นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ ระบุในบันทึกเมื่อวันจันทร์ว่า ภาคธุรกิจ Capital Goods ในยุโรปปัจจุบันมีราคาที่สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยเล็กน้อย โดยการคาดการณ์การปรับลดกําไรต่อหุ้น (EPS) ตามฉันทามติที่ 15-20% ได้ถูกรวมไว้ในการประเมินมูลค่าแล้ว
แม้ว่าความเร็วในการลดลงของราคาหุ้นจะรวดเร็ว นักวิเคราะห์ระบุว่าขนาดของการลดลงนี้สอดคล้องกับแนวโน้มทางประวัติศาสตร์ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยเล็กน้อย
อัตราส่วนราคาต่อกําไร (PE) ของภาคธุรกิจนี้ได้ลดลง 20% นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งน้อยกว่าการลดลงที่สังเกตเห็นในช่วงการระบาดของโควิด-19 และวิกฤตหนี้ยุโรปในปี 2012
ในบริบทนี้ มอร์แกน สแตนลีย์แสดงความชื่นชอบต่อบริษัทที่มีลักษณะเฉพาะ
พวกเขาชื่นชอบบริษัทที่แสดงถึง "คุณภาพ" มีการเปิดรับในยุโรปอย่างมีนัยสําคัญ หรือบริษัทที่ดําเนินงานในตลาดเชิงป้องกัน บริษัทเช่น Legrand (EPA:LEGD), Rotork (LON:ROR), ENR, Siemens (ETR:SIEGn), Weir และ GEA ถูกเน้นย้ําว่าเป็นหุ้นที่ควรเลือก
ในทางกลับกัน นักวิเคราะห์แนะนําให้ระมัดระวังกับชื่อที่เกี่ยวข้องกับรายจ่ายฝ่ายทุนบางราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2025 พวกเขาแนะนําให้หลีกเลี่ยงหุ้นเช่น Alfa Laval, WRT, ABB (ST:ABB) และ Atlas (NYSE:ATCO) Copco ในระยะสั้น
นักวิเคราะห์ยังลงลึกในการประเมินมูลค่าของบริษัทสําคัญๆ การวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ชี้ว่าการประเมินมูลค่าปัจจุบันของ Siemens แทบจะไม่มีการฟื้นตัวในยอดขายและ EBIT ในปี 2026
Schneider ถูกประเมินว่ามีราคาสําหรับการเติบโตเป็นศูนย์และการลดลงของอัตรากําไรในปี 2026 สําหรับ ABB การประเมินมูลค่าหุ้นถูกมองว่าสะท้อนถึงความคาดหวังของการลดลงของการเติบโตแบบออร์แกนิกที่ 2.4% ในปี 2026 และอัตรากําไร EBITA ที่ 17%
นักวิเคราะห์ยังตั้งคําถามเกี่ยวกับความยั่งยืนของอัตรากําไร EBITA ของ ABB ซึ่งปัจจุบันสูงกว่าระดับในอดีตอย่างมีนัยสําคัญ
นอกจากนี้ มอร์แกน สแตนลีย์เตือนเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากภาษีนําเข้า
ในสถานการณ์เช่นนั้น ราคาหุ้นของบริษัทไฟฟ้าที่มีมูลค่าตลาดสูง รวมถึง Siemens, ABB และ Schneider อาจเผชิญกับการลดลงเพิ่มเติม 16-22%
บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน