Investing.com - ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในตลาดเอเชียวันนี้ โดยฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยหลังจากความกังวลเกี่ยวกับภาษีการค้าของสหรัฐฯ และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้ราคาลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่าสามปี
ขณะนี้ความสนใจจึงมุ่งไปที่รายงานประจำเดือนขององค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) เพื่อหาสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุปทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันตกลงที่จะเริ่มเพิ่มกำลังการผลิตเมื่อต้นเดือนนี้
ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในสัปดาห์นี้หลังจากดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่าสามปี แม้ว่าความเชื่อมั่นของตลาดจะยังคงเปราะบางเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ชะลอตัวและความไม่แน่นอนที่เกิดจากภาษีการค้า
น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนพฤษภาคมปรับขึ้น 0.5% เป็น 69.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.6% แตะ 66.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 08:34 น. (GMT+7)
แคนาดาขู่จำกัดการส่งออกน้ำมันเพื่อตอบโต้ภาษีของสหรัฐฯ
ตลาดน้ำมันปรับตัวลดลงในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มภาษีภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้กำหนดอัตราภาษี 25% สำหรับแคนาดาและเม็กซิโก และอัตราภาษี 20% สำหรับจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก
แม้ว่าทรัมป์จะสั่งให้มีการยกเว้นภาษีชั่วคราวสำหรับแคนาดาและเม็กซิโก แต่ทั้งสองประเทศ รวมถึงจีน ก็ได้ประกาศมาตรการตอบโต้ของตนเอง ซึ่งนับเป็นการเริ่มต้นของสงครามการค้าระดับโลก
เจ้าหน้าที่แคนาดาขู่จำกัดการส่งออกพลังงานไปยังสหรัฐฯ ซึ่งอาจนำไปสู่การตึงตัวของอุปทานน้ำมัน อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะปรับเพิ่มภาษีให้สูงขึ้นหรือไม่
ทรัมป์ยังคงยืนยันถึงการกำหนดภาษีตอบโต้ ซึ่งเขาระบุว่าจะมีผลบังคับใช้ในช่วงต้นเดือนเมษายน
จับตารายงาน OPEC หาแนวโน้มอุปสงค์และอุปทาน
ในวันนี้ ตลาดจะต้องให้ความสนใจกับ รายงานประจำเดือน ของ OPEC ซึ่งเปิดเผยออกมาเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันยอมตกลงตามแรงกดดันของทรัมป์ในการเพิ่มการผลิต แม้ว่าจะเป็นเพียงเล็กน้อยก็ตาม
รายงานดังกล่าวจะถูกจับตามองเพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับแผนการผลิตของกลุ่ม โดยหลายประเทศสมาชิกได้ส่งสัญญาณว่าพวกเขามีแผนจะเพิ่มการผลิตต่อไปในปี 2025
แนวโน้มอุปสงค์โลกของ OPEC ซึ่งกลุ่มได้ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงปีที่ผ่านมา ก็จะเป็นประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางสัญญาณของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก
ข้อมูลสินค้าคงคลังของสหรัฐฯ และอัตราเงินเฟ้อ CPI
อีกทั้งนักลงทุนก็ยังคงรอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีข้อมูลสินค้าคงคลังและข้อมูลเงินเฟ้อ CPI ที่กำลังจะเปิดเผยในวันนี้
ข้อมูลจาก สถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน ระบุว่าสินค้าคงคลังน้ำมันของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจส่งสัญญาณถึงแนวโน้มเดียวกันจาก ข้อมูลสินค้าคงคลังอย่างเป็นทางการ
ในขณะเดียวกัน ข้อมูลดัชนี CPI ก็คาดว่าจะแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งอาจลดโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐจะผ่อนคลายนโยบายการเงินลงในระยะสั้น