Investing.com - ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในตลาดเอเชียเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อที่ซบเซาของจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ชะลอตัว ขณะที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีการค้าสหรัฐก็ยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด
ราคาน้ำมันดิบร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่าสามปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางปัจจัยลบมากมาย โดยเฉพาะความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ลดลงและอุปทานที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สัญญาณของภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในสหรัฐฯ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันตลาด
น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนพฤษภาคม ลดลง 0.4% มาอยู่ที่ 70.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ลดลง 0.4% มาเป็น 66.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 09:48 น. (GMT+7) ทั้งสองสัญญายังคงซื้อขายเหนือระดับต่ำสุดที่ทำไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ยังคงได้รับผลกระทบจากการปรับลดลงหลายสัปดาห์ติดต่อกัน
ข้อมูลเงินเฟ้อจีนที่อ่อนแอกระตุ้นความกังวลเรื่องอุปสงค์
ข้อมูลเงินเฟ้อของจีนทั้ง CPI และ PPI ซึ่งเผยแพร่เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มภาวะเงินฝืดที่ต่อเนื่องในประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนยังคงเผชิญกับอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันของจีน
ข้อมูลดังกล่าวยังตอกย้ำถึงความจำเป็นที่รัฐบาลปักกิ่งจะต้องดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยในสัปดาห์ที่แล้ว จีนได้ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการใช้จ่ายทางการคลังมากขึ้นในปีนี้เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม มาตรการที่วางแผนไว้นั้นยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน ซึ่งทำให้ตลาดน้ำมันยังคงขาดความเชื่อมั่น
นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนยังต้องเผชิญกับแรงกดดันเพิ่มเติมจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเพิ่มภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้าจากจีนเป็น 20% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีการค้าและอุปทานกดดันราคาน้ำมัน
นโยบายภาษีของทรัมป์ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาดน้ำมัน ท่ามกลางความกังวลว่าสงครามการค้ารอบใหม่อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันทั่วโลก
ตลาดยังคงไม่แน่ใจเกี่ยวกับแผนภาษีในอนาคตของทรัมป์ หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเขาประกาศเก็บภาษี 25% สำหรับสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก แต่หลังจากนั้นก็กลับเลื่อนการบังคับใช้ออกไปในเวลาต่อมา
ในการให้สัมภาษณ์กับ Fox News เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ปฏิเสธที่จะตอบเรื่องความเป็นไปได้ของภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ โดยระบุว่าเศรษฐกิจอยู่ใน "ช่วงเปลี่ยนผ่าน" ภายใต้แนวทางนโยบายของเขา อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังคงข่มขู่ที่จะเพิ่มภาษีเพิ่มเติม
ทรัมป์ยังได้เรียกร้องให้ผู้ผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ เพิ่มการผลิตภายในประเทศ โดยคาดหวังว่าต้นทุนพลังงานที่ต่ำลงจะช่วยสนับสนุนเป้าหมายของเขาในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้ขอให้ซาอุดีอาระเบียและกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC+) เพิ่มกำลังการผลิต โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว OPEC+ ได้ปรับเพิ่มกำลังการผลิตแค่เพียงเล็กน้อย