Investing.com - อัตราเงินเฟ้อทั้งในระดับผู้บริโภคและผู้ผลิตของจีนหดตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนกุมภาพันธ์ สะท้อนถึงความจำเป็นที่ปักกิ่งจะต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ท่ามกลางภาวะเงินฝืดที่ยังคงมีอยู่ในประเทศ
อัตราเงินเฟ้อ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 0.4% และพลิกกลับจากการเพิ่มขึ้น 0.5% ของเดือนมกราคม ตามข้อมูลจากรัฐบาลที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์
CPI ลดลง 0.2% เมื่อเทียบแบบเดือนต่อเดือน ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ว่าจะลดลง 0.1%
ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวของการใช้จ่ายภาคครัวเรือนในจีน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันให้เกิดภาวะเงินฝืดในประเทศมาเป็นเวลากว่าสองปีที่ผ่านมา และยังสะท้อนให้เห็นว่ามาตรการจากปักกิ่งที่พยายามกระตุ้นการใช้จ่ายภาคเอกชน เช่น การให้เงินอุดหนุนสำหรับสินค้าฟุ่มเฟือยบางประเภท นั้นให้ผลได้เพียงจำกัด
อุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอยังส่งผลให้ภาวะเงินเฟ้อของราคาผลิตภัณฑ์จากโรงงานลดลง โดย ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) หดตัว 2.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 2% แต่ก็ดีขึ้นเล็กน้อยจากการหดตัว 2.3% ในเดือนก่อนหน้า แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อ PPI จะยังคงอยู่ในแดนลบเป็นเดือนที่ 29 ติดต่อกันก็ตาม
ข้อมูลเงินเฟ้อเหล่านี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ปักกิ่งจะต้องให้การสนับสนุนทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเฉพาะเมื่อจีนกำลังเผชิญกับความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้นกับสหรัฐฯ
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า มีแผนจะเพิ่มการใช้จ่ายทางการคลังและสนับสนุนเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเน้นไปที่การกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนในช่วงหลายเดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ก็ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการที่วางแผนไว้
เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยภาวะเงินฝืดที่เกิดจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่อ่อนแอและภาวะตกต่ำของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อ ถือเป็นแรงกดดันสำคัญ
ขณะนี้ จีนกำลังเผชิญกับอุปสรรคทางเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้นจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เรียกเก็บภาษีศุลกากร 20% ต่อสินค้าจีน