tradingkey.logo

ราคาน้ำมันจ่อขาดทุนรายเดือน จับตาการเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครน

Investing.com28 ก.พ. 2025 เวลา 3:56

Investing.com - ราคาน้ำมันร่วงลงในตลาดเอเชียวันนี้ โดยกำลังอยู่ในระดับที่อ่อนแอที่สุดเมื่อเทียบแบบรายเดือนนับตั้งแต่เดือนกันยายน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาษีการค้าของสหรัฐ และความหวังในการบรรลุข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบมากกว่าความกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่ตึงตัว

สัญญา น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ลดลง 0.4% มาเป็น 73.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 09:38 น. (GMT+7) ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ลดลง 0.4% มาเป็น 69.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันเผชิญกับการลดลงรายเดือนมากที่สุดในรอบ 6 เดือน

ทั้งสัญญาฟิวเจอร์สของน้ำมันเบรนท์และ WTI ซึ่งจะครบกำหนดในเดือนเมษายน มีแนวโน้มลดลงมากกว่า 3% ในเดือนนี้ ซึ่งถือเป็นการลดลงรายเดือนที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน

นอกจากนี้ยังเป็นเดือนแรกในรอบสามเดือนที่ทั้งสองดัชนีปรับตัวลดลง

เมื่อวันพุธ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เพิกถอนใบอนุญาตของ Chevron (NYSE:CVX) ในการดำเนินงานในเวเนซุเอลา ส่งผลให้การนำเข้าน้ำมันดิบเวเนซุเอลาของสหรัฐ ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 270,000 บาร์เรลต่อวันเมื่อต้นปีนี้ ต้องหยุดชะงักลง

ขณะเดียวกัน ในเดือนนี้ ทรัมป์ก็ยังได้นำมาตรการ "แรงกดดันสูงสุด" กลับมาใช้ต่ออิหร่าน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการส่งออกน้ำมันของอิหร่านให้เหลือศูนย์ ผ่านการคว่ำบาตรนายหน้าซื้อขายน้ำมัน ผู้ให้บริการเรือบรรทุกน้ำมัน และบริษัทขนส่งที่เกี่ยวข้องกับการขายและขนส่งน้ำมันของอิหร่าน

ในขณะเดียวกัน องค์กรกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) ก็กำลังหารือเกี่ยวกับการเดินหน้าปรับเพิ่มกำลังการผลิตตามแผนที่วางไว้ในเดือนเมษายน 2025 โดยปัจจุบัน OPEC+ กำลังลดกำลังการผลิตลง 5.85 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่ก็ต้องเผชิญกับความขัดแย้งภายในกลุ่ม

แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่ตึงตัว แต่ตลาดน้ำมันกลับยังคงเผชิญกับภาวะขาลงในเดือนนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีนำเข้าของทรัมป์ และแนวโน้มข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน

หากรัสเซียและยูเครนสามารถบรรลุข้อตกลงสันติภาพได้ นั่นก็อาจนำไปสู่การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งจะเพิ่มอุปทานน้ำมันทั่วโลกและกดดันให้ราคาน้ำมันลดลง

จับตาเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐหาทิศทางนโยบายดอกเบี้ยของเฟด

ตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันราคาน้ำมัน

ข้อมูลเมื่อวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นว่าจำนวน ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ในสัปดาห์ของวันที่ 22 กุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ขณะที่รายงานจากสำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐ (BEA) ก็ได้เปิดเผยประมาณการครั้งที่สองของ GDP สำหรับไตรมาสที่ 4 โดยเศรษฐกิจขยายตัวในอัตรา 2.3% ต่อปี ซึ่งชะลอลงจาก 3.1% ในไตรมาสที่สาม

ขณะนี้นักลงทุนกำลังรอรายงาน ดัชนีราคา PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐให้ความสำคัญ

รายงานที่สำคัญดังกล่าวอาจให้เบาะแสเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ในขณะที่ธนาคารกลางนั้นยังคงมีท่าทีเชิง hawkish ต่อเงินเฟ้อที่สูงอย่างต่อเนื่อง

โดยปกติแล้ว อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่ลดลงจะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ทำให้น้ำมันถูกลงสำหรับผู้ซื้อในต่างประเทศ และช่วยกระตุ้นความต้องการ ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นต่อไป

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลที่ให้ไว้บนเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน

บทความที่เกี่ยวข้อง

KeyAI