Investing.com - หุ้นซัพพลายเออร์ในเอเชียของ Nvidia โดยเฉพาะ TSMC ปรับตัวลดลงในวันนี้ แม้ว่าบริษัทเทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่นี้จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ที่แข็งแกร่งและให้แนวโน้มเชิงบวกก็ตาม
TSMC (NYSE:TSM) ลดลง 0.9% ในตลาดหุ้นไต้หวัน (TW:2330) ขณะที่ Hon Hai Precision Industry Co Ltd (TW:2317) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Foxconn (SS:601138) ร่วงลง 2.5%
ซัพพลายเออร์ชิปหน่วยความจำจากเกาหลีใต้ SK Hynix Inc (KS:000660) ร่วงลงถึง 3% ส่วน Advantest Corp. ของญี่ปุ่น (TYO:6857) ลดลง 0.6%
การปรับตัวลงของหุ้นเอเชียถือว่าเป็นไปตามแนวโน้มเดียวกันกับที่เกิดขึ้นในหุ้นของ NVIDIA Corporation (NASDAQ:NVDA) ซึ่งลดลงถึง 2% ในการซื้อขายหลังตลาดปิด
แม้ว่า Nvidia จะรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์และให้แนวโน้มที่เป็นบวกสำหรับไตรมาสปัจจุบัน โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรม AI แต่ประเด็นเรื่องต้นทุนการผลิตก็ยังเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง
CEO Jensen Huang ระบุว่ามีความต้องการสูงสำหรับชิป Blackwell รุ่นใหม่ของบริษัท อย่างไรก็ตาม การเพิ่มกำลังการผลิตของชิปรุ่นนี้อาจส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรของ Nvidia ในปีนี้
นักวิเคราะห์จาก Summit Insight ได้ปรับลดคำแนะนำหุ้น Nvidia เป็น "ถือ" หลังการรายงานผลประกอบการ โดยให้เหตุผลว่าแม้ว่าบริษัทจะยังคงเติบโตได้จากกระแส AI ที่แข็งแกร่ง แต่ความเสี่ยงและผลตอบแทนของหุ้นก็เริ่มไม่คุ้มค่าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
พวกเขายังเตือนถึงอุปสรรคในระยะกลางถึงระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวโน้มที่ความต้องการชิป AI ขั้นสูงอาจลดลง เมื่อโมเดล AI จำนวนมากผ่านขั้นตอนการฝึกฝน (training) และเริ่มมุ่งเน้นไปที่การใช้งานจริง (inference) แทน อีกทั้ง Summit ยังคาดการณ์อีกว่าการเติบโตในรายได้ของ Nvidia อาจเริ่มชะลอลงในช่วงครึ่งหลังของปีงบประมาณ 2026
แนวโน้มของโมเดล AI ที่มีขนาดเล็กและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากการเปิดตัว DeepSeek AI ของจีน อาจส่งผลให้ความต้องการโครงสร้างพื้นฐาน AI ลดลง อย่างไรก็ตาม Huang ระบุว่า โมเดล AI ที่ใช้สำหรับการให้เหตุผลเชิงตรรกะ (reasoning) อย่าง DeepSeek อาจต้องใช้พลังประมวลผลมากขึ้นในอนาคต
ถึงแม้จะมีความกังวลเหล่านี้ แต่ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Nvidia ก็ยังแสดงให้เห็นว่าความต้องการชิป AI ยังคงแข็งแกร่งในระยะสั้น โดยลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของบริษัท ซึ่งเป็น AI hyperscalers ของวอลล์สตรีทต่างก็ให้คำมั่นที่จะลงทุนหลายแสนล้านดอลลาร์เพื่อขยายขีดความสามารถด้าน AI ของตนเอง
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา Nvidia มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า อันเป็นผลมาจากความต้องการชิป AI ที่พุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงของหุ้นก็เริ่มมีสัญญาณของการชะลอตัวในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา