TradingKey – วันพุธที่ 11 มิถุนายนนี้ สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ เตรียมเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนพฤษภาคม 2025 ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการประเมินว่าภาษีทรัมป์เริ่มส่งผลต่อราคาผู้บริโภคอย่างไรบ้าง ขณะที่ตลาดเริ่มเดิมพันสูงขึ้นว่าปีนี้ Fed จะลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียว และบรรยากาศการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่มีแนวโน้มดี ทำให้นักลงทุนเริ่มหันมาเปิดรับความเสี่ยงอีกครั้ง
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า:
ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาพลังงานและอาหาร คาดว่า:
ดัชนี Core CPI สหรัฐฯ รายปี, แหล่งข้อมูล: Trading Economics
รายงาน CPI เดือนนี้จะมีบทบาทสำคัญในการวัดผลกระทบของนโยบายภาษีทรัมป์ต่อเงินเฟ้อ
แม้ในเดือนเมษายนราคาผู้บริโภคยังคงสงบเนื่องจากหลายบริษัทเลือกใช้สินค้าคงคลังเดิมที่ซื้อมาในล็อตใหญ่
แต่สถานการณ์กำลังเปลี่ยนไป Walmart และผู้ค้ารายใหญ่อื่นๆ เริ่มประกาศปรับขึ้นราคาเพื่อชดเชยต้นทุนการนำเข้าที่สูงขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเริ่มสะท้อนในข้อมูลเดือนพฤษภาคมนี้
นักเศรษฐศาสตร์จาก Bank of America ระบุว่า ผลกระทบจากภาษีจะชัดเจนกว่าช่วงเดือนเมษายน โดยเฉพาะในกลุ่มอุปกรณ์เครื่องเสียงที่ราคาพุ่งถึง 8.8% MoM
กลุ่มสินค้าต้องภาษีสูงอื่นๆ เช่น เสื้อผ้า ยานยนต์ใหม่ และเครื่องใช้ในบ้าน ก็จะถูกจับตาอย่างใกล้ชิดเพื่อดูการส่งผ่านต้นทุนไปยังผู้บริโภค
Wells Fargo ชี้ว่า CPI เดือนพฤษภาคมจะเป็นบททดสอบสำคัญว่า ผู้บริโภคจะรับผลจากภาษีที่สูงขึ้นได้เร็วและมากเพียงใด ซึ่งหากภาษียังคงอยู่ในระดับสูง ธุรกิจต่างๆ จะยิ่งยากที่จะดูดซับต้นทุนแทนผู้บริโภค
ในทางกลับกัน เงินเฟ้อจากภาคบริการอาจเป็นตัวช่วยกดดันไม่ให้เงินเฟ้อโดยรวมเร่งตัวมากเกินไป
จากข้อมูลล่าสุด พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ และการเดินทางของเจ้าหน้าที่รัฐยังอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ราคาตั๋วเครื่องบินและโรงแรมอ่อนตัว หรือบางรายการถึงขั้นลดลง
แนวโน้มอ่อนแอในภาคบริการนี้ อาจเป็นปัจจัยถ่วงแรงกดดันเงินเฟ้อในภาพรวม
ก่อนการประกาศ CPI นักลงทุนเริ่มลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของ Fed หลังข้อมูลการจ้างงานแข็งแกร่ง ตลาดจึงประเมินว่า Fed จะลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปี 2025
ขณะเดียวกัน ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่เริ่มคลี่คลาย ก็ลดแรงกดดันต่อ Fed ในการต้องเร่งผ่อนคลายนโยบาย
อย่างไรก็ตาม แม้โอกาสลดดอกเบี้ยน้อยลง ความคืบหน้าในการเจรจาการค้าอาจยังคงเป็นแรงหนุนต่อหุ้นสหรัฐฯ
ผลสำรวจจาก 22V Research พบว่า 42% ของนักลงทุนคาดว่า CPI เดือนพฤษภาคมจะกระตุ้น “ภาวะเสี่ยงเปิด” (risk-on) อีกครั้ง ขณะที่ 33% มองว่าจะมีผลผสมผสาน และ 25% คาดว่าจะเกิดภาวะเลี่ยงความเสี่ยง (risk-off)
นี่ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2024 ที่ความรู้สึกของตลาดกลับมาเอนเอียงสู่ภาวะเสี่ยงเปิดอีกครั้ง
ล่าสุด ธนาคารรายใหญ่ของวอลล์สตรีท ได้แก่ JPMorgan, Morgan Stanley, Citigroup และ Goldman Sachs ต่างปรับมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจที่ยังแข็งแกร่งและความเสี่ยงจากภาษีที่ลดลง จะยังคงเป็นแรงหนุนต่อการขยับขึ้นของตลาดหุ้นต่อไป