สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาดนิวยอร์กปิดราคาลดลงในวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานแห่งชาติเพื่อเพิ่มการผลิตน้ำมัน สร้างความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด สัญญา WTI ส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ลดลง 1.99 ดอลลาร์ หรือ 2.56% ปิดที่ 75.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมีนาคมลดลง 86 เซนต์ หรือ 1.07% ปิดที่ 79.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ปธน.ทรัมป์ได้ดำเนินการตามคำมั่นสัญญาในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง โดยประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อกระตุ้นการผลิตน้ำมันผ่านการขุดเจาะ วางท่อน้ำมัน และตั้งโรงกลั่น เพิ่มอุปทานน้ำมันเพื่อหวังลดราคาน้ำมันและค่าไฟของประชาชนในสหรัฐฯ ครึ่งหนึ่งในปีแรกที่ดำรงตำแหน่ง
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากการประกาศของศูนย์ความร่วมมือด้านการดำเนินงานฝ่ายมนุษยธรรม (HOCC) ที่กลุ่มฮูตีจะจำกัดการโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดง เฉพาะเรือที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอล และอาจยุติการโจมตีหากอิสราเอลปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ได้ย้ำถึงการคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงในปีนี้และปีหน้า เนื่องจากการผลิตน้ำมันทั่วโลกที่สูงขึ้น ในขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันลดการขาดทุนในระหว่างวันหลังจากที่ปธน.ทรัมป์ระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯ อาจยุติการซื้อน้ำมันจากเวเนซุเอลา ซึ่งสหรัฐฯ เป็นผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของเวเนซุเอลา รองจากจีน