ฟิวเจอร์ส Dow Jones ได้ลดการขาดทุนก่อนหน้านี้และขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 42,500 ขณะที่ฟิวเจอร์ส E-mini S&P 500 ซื้อขายสูงขึ้นใกล้ 6,030 เพิ่มขึ้น 11 จุด หลังจากลดการเพิ่มขึ้นในช่วงเซสชั่นยุโรปของวันจันทร์ ฟิวเจอร์สในตลาดวอลล์สตรีทยังคงอยู่ในแดนบวกแม้จะมีอารมณ์เสี่ยงที่ลดลงหลังจากที่สหรัฐฯ (US) โจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่านสามแห่ง นักลงทุนรอข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของ S&P Global สหรัฐฯ สำหรับเดือนมิถุนายน ซึ่งมีกำหนดประกาศในภายหลังของวัน.
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่าเขาได้ "ทำลายล้าง" โรงงานนิวเคลียร์สามแห่งของอิหร่าน รวมถึง Fordow, Natanz และ Isfahan ในการโจมตีในคืนที่ผ่านมา โดยประสานงานกับการโจมตีของอิสราเอล สภาผู้แทนราษฎรอิหร่านได้อนุมัติมาตรการปิดช่องแคบฮอร์มุซ อิหร่านได้ขู่ว่าจะปิดช่องแคบในอดีต แต่ไม่เคยดำเนินการตามนั้น ตามรายงานของรอยเตอร์.
นักลงทุนกำลังวางตำแหน่งอย่างระมัดระวังในช่วงเซสชั่นสหรัฐฯ ของวันจันทร์ โดยอัตราผลตอบแทนซื้อขายสูงขึ้นท่ามกลางการไหลเข้าของสินทรัพย์ปลอดภัย อัตราผลตอบแทน 2 ปีและ 10 ปีของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อยู่ที่ 3.92% และ 4.39% ตามลำดับ ณ ขณะเขียน.
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ซึ่งวัดมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เทียบกับสกุลเงินหลักหกสกุล กำลังซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 99.600 ณ ขณะเขียน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ได้กล่าวว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินในเดือนหน้า สัญญาณถึงความยืดหยุ่นท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น.
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.5% ในเดือนมิถุนายนตามที่คาดการณ์ไว้ ผู้มีอำนาจในการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ยังคงคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 50 จุดเบสิสจนถึงสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ เตือนว่าความไม่แน่นอนของนโยบายที่ยังคงมีอยู่จะทำให้เฟดยังคงอยู่ในสถานะคงอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยใด ๆ จะขึ้นอยู่กับการปรับปรุงเพิ่มเติมในข้อมูลด้านแรงงานและเงินเฟ้อ.
ดาวโจนส์ (DJIA) คือมาตรวัดคาเฉลี่ยของบริษัทในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในดัชนีตลาดหุ้นที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดาวโจนส์รวบรวมจากหุ้นที่มีการซื้อขายมากที่สุด 30 อันดับในสหรัฐฯ และจะถ่วงน้ำหนักด้วยการเคลื่อนไหวของราคามากกว่าถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตามราคาตลาด คำนวณโดยการรวมราคาของหุ้นที่เป็นส่วนประกอบแล้วหารด้วยตัวคูณซึ่งปัจจุบันคือ 0.152 ดัชนีนี้ก่อตั้งโดย ชาร์ลส ดาว (Charles Dow) ผู้ก่อตั้ง วารสารวอลล์สตรีท (Wall Street Journal) ในช่วงหลายปีต่อมา มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าดาวโจนส์ไม่ได้เป็นตัวแทนของสินทรัพย์ในวงกว้างเพียงพอ เนื่องจากอ้างอิงการเคลื่อนของกลุ่มบริษัทเพียง 30 กลุ่มเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากดัชนีอ้างอิงข้อมูลจากบริษัทที่มีจำนวนมากกว่าอย่างเช่น S&P 500
ปัจจัยที่แตกต่างกันมากมายผลักดันการเคลื่อนไหวของค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) ประสิทธิภาพโดยรวมของบริษัท, รายละเอียดที่เปิดเผยในรายงานผลประกอบการของบริษัทรายไตรมาสถือเป็นมาตรวัดประสิทธิภาพหลัก ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกยังมีส่วนช่วยเช่นกัน เนื่องจากส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ระดับของอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังมีอิทธิพลต่อ DJIA เนื่องจากส่งผลต่อต้นทุนสินเชื่อ ซึ่งหลายๆ บริษัทต้องพึ่งพาอย่างมาก ดังนั้น อัตราเงินเฟ้ออาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญได้เช่นเดียวกับตัวชี้วัดอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
ทฤษฎีดาวเป็นวิธีการในการระบุแนวโน้มหลักของตลาดหุ้นที่พัฒนาโดย ชาร์ลส ดาว (Charles Dow) ขั้นตอนสำคัญคือการเปรียบเทียบทิศทางของค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) และ ค่าเฉลี่ยการขนส่งดาวโจนส์ (DJTA) และติดตามเฉพาะแนวโน้มที่ทั้งคู่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน ,uปริมาณเป็นเกณฑ์ยืนยัน ทฤษฎีนี้ใช้องค์ประกอบของการวิเคราะห์จุดสูงสุดและต่ำสุด ทฤษฎีของดาวโจนส์ (Dow) แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะสะสม เมื่อนักลงทุนเริ่มซื้อขายปลกเปลี่ยน ระยะการมีส่วนร่วมของประชาชน เมื่อประชาชนในวงกว้างเข้ามามีส่วนร่วมลงทุน และระยะกระจายตัวเมื่อเงินเงินของนักลงทุนออกจากตลาดไป
มีหลายวิธีในการลงทุนกับ DJIA หนึ่งคือการลงทุนผ่าน ETF ซึ่งอนุญาตให้นักลงทุนซื้อขาย DJIA เป็นหลักทรัพย์เดียว แทนที่จะต้องซื้อหุ้นในบริษัทที่เป็นส่วนประกอบทั้งหมด 30 แห่ง ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ กองทุน SPDR , ETF ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DIA) สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของ DJIA ช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรมูลค่าในอนาคตของดัชนีแลออปชัน แต่ไม่ใช่ข้อผูกมัดในการซื้อหรือขายดัชนีในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในอนาคต กองทุนรวมช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นในพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายของหุ้น DJIA ซึ่งทำให้เกิดโอกาสการลงทุนในดัชนี