tradingkey.logo

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนตัวเหนือระดับ 99.00 เนื่องจากการคงอัตราดอกเบี้ยของเฟดและความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้น

FXStreet19 มิ.ย. 2025 เวลา 3:11
  • ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านที่ยังคงดำเนินอยู่
  • ธนาคารกลางสหรัฐประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.25%–4.50% ในเดือนมิถุนายน
  • ประธานเฟด พาวเวลล์ ส่งสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้ออาจเพิ่มขึ้นในเดือนข้างหน้า

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ซึ่งวัดมูลค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เทียบกับ 6 สกุลเงินหลัก ยังคงขยายการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นวันที่สามติดต่อกัน โดยซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 99.10 ในช่วงชั่วโมงการซื้อขายของเอเชียในวันพฤหัสบดี ดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งค่าขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.25%–4.50% ในการประชุมเดือนมิถุนายนเมื่อวันพุธ ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ คณะกรรมการตลาดเปิดของเฟด (FOMC) ยังคงมองเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 50 จุดฐานจนถึงสิ้นปี 2025

ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ส่งสัญญาณในงานแถลงข่าวหลังการประชุมว่า อัตราเงินเฟอยังคงอยู่สูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้และอาจเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยอ้างถึงผลกระทบจากภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ พาวเวลล์สนับสนุนจุดยืนทางนโยบายปัจจุบันที่ทำให้ธนาคารกลางอยู่ในสถานะที่ดี เขาเตือนว่าความไม่แน่นอนทางนโยบายที่ยังคงมีอยู่จะทำให้เฟดยังคงอยู่ในสถานะคงอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับการปรับปรุงเพิ่มเติมในข้อมูลด้านแรงงานและเงินเฟ้อ

ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับการสนับสนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดในตะวันออกกลาง Bloomberg รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อว่า "เจ้าหน้าที่สหรัฐเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีของอิหร่านในวันข้างหน้า" "แผนการโจมตีของสหรัฐฯ ต่ออิหร่านยังคงพัฒนาอยู่" นอกจากนี้ Wall Street Journal อ้างอิงจากบุคคลที่คุ้นเคยกับการสนทนา กล่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวเมื่อวันอังคารว่าเขาอนุมัติแผนการโจมตีอิหร่าน แต่รอดูว่าเตหะรานจะยกเลิกโครงการนิวเคลียร์หรือไม่

ประธานาธิบดีทรัมป์วิจารณ์อิหร่านว่า "ทำผิดพลาด" ตอบสนองต่อคำประกาศของผู้นำสูงสุด อายะตุลลาห์ อาลี คาเมนี ว่า "ประชาชาติอิหร่านจะไม่ยอมแพ้" และเตือนถึง "ความเสียหายที่ไม่สามารถแก้ไขได้" หากสหรัฐฯ (US) เข้าร่วมในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านโดยตรง

US Dollar FAQs

ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นสกุลเงินที่ใช้อย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกา และเป็นสกุลเงินที่ใช้ 'โดยพฤตินัย' ของประเทศอื่น ๆ จำนวนมากที่มีการหมุนเวียนควบคู่ไปกับสกุลเงินท้องถิ่น เป็นสกุลเงินที่มีการซื้อขายกันมากที่สุดในโลก โดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 88% ของมูลค่าการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทั่วโลก หรือมีมูลค่าธุรกรรมเฉลี่ย 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวันตามข้อมูลของปี 2022 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สกุลเงิน USD เข้ามารับช่วงต่อตำแหน่งสกุลเงินสำรองของโลกจากสกุลเงินปอนด์ของอังกฤษที่เป็นในประวัติศาสตร์ใหญ่ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้ถูกค้ำด้วยทองคำ จนกระทั่งเกิดข้อตกลง Bretton Woods ในปี 1971 เมื่อมาตรฐานการค้ำด้วยทองคำหมดไป

ปัจจัยเดียวที่สำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐคือนโยบายทางการเงินซึ่งกำหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เฟดมีหน้าที่สองประการ: เพื่อให้บรรลุเสถียรภาพด้านราคา (ควบคุมอัตราเงินเฟ้อ) และส่งเสริมการจ้างงานเต็มรูปแบบ เครื่องมือหลักในการบรรลุเป้าหมายทั้งสองนี้คือการปรับอัตราดอกเบี้ย เมื่อราคาต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้นเร็วเกินไปและอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด ทางเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งจะหนุนค่าเงิน USD แต่เมื่ออัตราเงินเฟ้อลดลงต่ำกว่า 2% หรืออัตราการว่างงานสูงเกินไป เฟดอาจเลือกปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อสกุลเงินดอลลาร์

ในสถานการณ์ที่รุนแรงมากจริง ๆ ทาง Federal Reserve ยังสามารถพิมพ์ดอลลาร์ออกมาเพิ่มเติมและออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ได้ การทำ QE เป็นกระบวนการที่เฟดเพิ่มการไหลเวียนของสินเชื่อในระบบการเงินที่ติดขัดอยู่อย่างมาก โดยเป็นมาตรการทางนโยบายที่ไม่ได้เป็นมาตรฐานซึ่งใช้เมื่อสินเชื่อหมดเนื่องจากธนาคารจะไม่ให้กู้ยืมระหว่างกัน (เพราะกลัวคู่สัญญาจะผิดนัดชำระหนี้) ก็เป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อการลดอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวไม่น่าจะบรรลุผลลัพล์ที่จำเป็น ถือเป็นเครื่องทางเลือกสุดท้ายของเฟดในการต่อสู้กับวิกฤติสินเชื่อที่เกิดขึ้นระหว่างวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ในปี 2008 โดยเกี่ยวข้องกับการที่เฟดพิมพ์เงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นและใช้เงินเหล่านั้นเพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสถาบันการเงินต่าง ๆ การทำ QE มักจะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง

การกระชับเชิงปริมาณ (QT) เป็นกระบวนการย้อนกลับของการทำ QE โดยที่ Federal Reserve จะหยุดซื้อพันธบัตรจากสถาบันการเงินและไม่นำเงินต้นไปลงทุนใหม่จากพันธบัตรที่ถืออยู่เพื่อซื้อใหม่ ซึ่งมักจะเป็นปัจจัยบวกสำหรับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลที่ให้ไว้บนเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน

บทความที่เกี่ยวข้อง

KeyAI