ราคาโลหะเงิน (XAG/USD) ยังคงแข็งแกร่งเป็นวันที่สองติดต่อกัน รักษาตำแหน่งใกล้ระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2012 โดยราคาของโลหะสีเทาซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 36.00 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ในช่วงชั่วโมงการซื้อขายในเอเชียในวันศุกร์
ราคาของโลหะมีค่า รวมถึงโลหะเงิน เพิ่มขึ้นเมื่อความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้นท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพิ่มขึ้น จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในวันพฤหัสบดีเพิ่มขึ้นเป็น 247,000 ราย สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 235,000 ราย
ในวันพุธ การจ้างงานในภาคเอกชนของสหรัฐฯ จาก ADP เพิ่มขึ้น 37,000 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม ซึ่งต่ำกว่าความคาดหวังของตลาดที่ 115,000 ตำแหน่ง ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของ ISM ลดลงสู่ระดับ 49.9 ในเดือนพฤษภาคม จาก 51.6 ในเดือนเมษายน โดยตัวเลขนี้อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 52.0
นอกจากนี้ ผู้ค้าใช้ความระมัดระวังในขณะที่รอข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 130,000 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม ซึ่งต่ำกว่าการเพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่งในเดือนเมษายน และอัตราการว่างงานคาดว่าจะคงที่ที่ 4.2%
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของโลหะเงินในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอาจถูกจำกัดเมื่อความเชื่อมั่นในตลาดดีขึ้นหลังจากการโทรศัพท์ที่มีประสิทธิผลระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง โดยทรัมป์แสดงความเห็นว่าการโทรศัพท์ครั้งนี้มีประสิทธิผลและพร้อมที่จะดำเนินการเจรจาเรื่องภาษีต่อไป
ผู้ค้าน่าจะติดตามข้อมูลจำนวนมากจากจีนในวันจันทร์ รวมถึงข้อมูลราคาผู้บริโภค ราคาผู้ผลิต และข้อมูลการค้า โดยพิจารณาจากสถานะของจีนในฐานะหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความต้องการโลหะเงินในภาคอุตสาหกรรมของประเทศจึงมีความสำคัญ
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน