tradingkey.logo

ฟิวเจอร์สดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างมากจากความเป็นไปได้ในการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด รอข้อมูล PMI จาก ISM ของสหรัฐฯ

FXStreet5 ส.ค. 2025 เวลา 7:13
  • ฟิวเจอร์ส Dow Jones ปรับตัวขึ้นเนื่องจากความน่าจะเป็นที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนเพิ่มสูงขึ้น
  • เทรดเดอร์ติดตามการกระทำของทรัมป์เกี่ยวกับการเสนอชื่อผู้แทนสำหรับผู้ว่าการเฟด Adriana Kugler
  • Palantir เพิ่มขึ้นมากกว่า 4% ในขณะที่ Hims & Hers Health ลดลงประมาณ 13% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ

ฟิวเจอร์ส Dow Jones ปรับตัวขึ้นก่อนเปิดตลาดสหรัฐในวันอังคาร โดยซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 44,380 เพิ่มขึ้น 0.17% ในช่วงเช้าของยุโรป ขณะเดียวกัน ฟิวเจอร์ส S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.25% สู่ระดับ 6,370 และฟิวเจอร์ส Nasdaq 100 เพิ่มขึ้น 0.33% ซื้อขายเหนือ 23,300 ข้อมูล PMI ของ ISM สหรัฐจะถูกจับตามองในช่วงเซสชันอเมริกาเหนือในภายหลัง

ฟิวเจอร์สดัชนีหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเนื่องจากความน่าจะเป็นที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น หลังจากข้อมูลตลาดแรงงานที่อ่อนแอลงซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ตามข้อมูลจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME ตลาดคาดการณ์โอกาส 91.6% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดพื้นฐานในเดือนหน้า

อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์คาดว่าจะติดตามประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างใกล้ชิด ขณะที่เขากำลังเสนอชื่อผู้แทนสำหรับผู้ว่าการเฟด Adriana Kugler ซึ่งลาออกอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันจันทร์ ผู้ได้รับการแต่งตั้งใหม่อาจมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ทรัมป์ต้องการ

ในตลาดฟิวเจอร์ส Palantir เพิ่มขึ้นมากกว่า 4% หลังจากบริษัทซอฟต์แวร์ AI นี้เกินความคาดหวังด้านรายได้ในไตรมาสที่สองและปรับเพิ่มแนวโน้มของตน โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับแพลตฟอร์ม AI ของตน อย่างไรก็ตาม Hims & Hers Health ลดลงประมาณ 13% หลังจากไม่สามารถทำรายได้ตามประมาณการในไตรมาสที่สองได้ นักลงทุนกำลังรอรายงานผลประกอบการในวันอังคารจากชื่อสำคัญ เช่น AMD, Pfizer, Snap, Rivian และ Yum! Brands

ในตลาดปกติเมื่อวันจันทร์ วอลล์สตรีทฟื้นตัวจากการปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย Dow เพิ่มขึ้น 1.34% S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.47% และ Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 1.95% ขณะที่เทรดเดอร์ย่อยข้อมูลรอบล่าสุดของผลประกอบการบริษัท

Dow Jones: คำถามที่พบบ่อย

ดาวโจนส์ (DJIA) คือมาตรวัดคาเฉลี่ยของบริษัทในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในดัชนีตลาดหุ้นที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดาวโจนส์รวบรวมจากหุ้นที่มีการซื้อขายมากที่สุด 30 อันดับในสหรัฐฯ และจะถ่วงน้ำหนักด้วยการเคลื่อนไหวของราคามากกว่าถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตามราคาตลาด คำนวณโดยการรวมราคาของหุ้นที่เป็นส่วนประกอบแล้วหารด้วยตัวคูณซึ่งปัจจุบันคือ 0.152 ดัชนีนี้ก่อตั้งโดย ชาร์ลส ดาว (Charles Dow) ผู้ก่อตั้ง วารสารวอลล์สตรีท (Wall Street Journal) ในช่วงหลายปีต่อมา มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าดาวโจนส์ไม่ได้เป็นตัวแทนของสินทรัพย์ในวงกว้างเพียงพอ เนื่องจากอ้างอิงการเคลื่อนของกลุ่มบริษัทเพียง 30 กลุ่มเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากดัชนีอ้างอิงข้อมูลจากบริษัทที่มีจำนวนมากกว่าอย่างเช่น S&P 500

ปัจจัยที่แตกต่างกันมากมายผลักดันการเคลื่อนไหวของค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) ประสิทธิภาพโดยรวมของบริษัท, รายละเอียดที่เปิดเผยในรายงานผลประกอบการของบริษัทรายไตรมาสถือเป็นมาตรวัดประสิทธิภาพหลัก ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกยังมีส่วนช่วยเช่นกัน เนื่องจากส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ระดับของอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังมีอิทธิพลต่อ DJIA เนื่องจากส่งผลต่อต้นทุนสินเชื่อ ซึ่งหลายๆ บริษัทต้องพึ่งพาอย่างมาก ดังนั้น อัตราเงินเฟ้ออาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญได้เช่นเดียวกับตัวชี้วัดอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)

ทฤษฎีดาวเป็นวิธีการในการระบุแนวโน้มหลักของตลาดหุ้นที่พัฒนาโดย ชาร์ลส ดาว (Charles Dow) ขั้นตอนสำคัญคือการเปรียบเทียบทิศทางของค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) และ ค่าเฉลี่ยการขนส่งดาวโจนส์ (DJTA) และติดตามเฉพาะแนวโน้มที่ทั้งคู่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน ,uปริมาณเป็นเกณฑ์ยืนยัน ทฤษฎีนี้ใช้องค์ประกอบของการวิเคราะห์จุดสูงสุดและต่ำสุด ทฤษฎีของดาวโจนส์ (Dow) แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะสะสม เมื่อนักลงทุนเริ่มซื้อขายปลกเปลี่ยน ระยะการมีส่วนร่วมของประชาชน เมื่อประชาชนในวงกว้างเข้ามามีส่วนร่วมลงทุน และระยะกระจายตัวเมื่อเงินเงินของนักลงทุนออกจากตลาดไป

มีหลายวิธีในการลงทุนกับ DJIA หนึ่งคือการลงทุนผ่าน ETF ซึ่งอนุญาตให้นักลงทุนซื้อขาย DJIA เป็นหลักทรัพย์เดียว แทนที่จะต้องซื้อหุ้นในบริษัทที่เป็นส่วนประกอบทั้งหมด 30 แห่ง ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ กองทุน SPDR , ETF ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DIA) สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของ DJIA ช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรมูลค่าในอนาคตของดัชนีแลออปชัน แต่ไม่ใช่ข้อผูกมัดในการซื้อหรือขายดัชนีในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในอนาคต กองทุนรวมช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นในพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายของหุ้น DJIA ซึ่งทำให้เกิดโอกาสการลงทุนในดัชนี

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลที่ให้ไว้บนเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน

บทความที่เกี่ยวข้อง

KeyAI