tradingkey.logo

Tesla พุ่งทำ All-time High! รับข่าว Robotaxi ไร้คนขับเต็มรูปแบบ สวนทางยอดขายรถที่ชะลอตัว

TradingKey
ผู้เขียนYulia Zeng
17 ธ.ค. 2025 เวลา 7:25

พอดแคสต์ AI

หุ้น Tesla ทำ All-time High จากการทดสอบ Robotaxi เต็มรูปแบบ แม้ธุรกิจยานยนต์ดั้งเดิมยอดขายลดลง 23% หลังหมดมาตรการเครดิตภาษี นักลงทุนมองความก้าวหน้า AI เป็นปัจจัยหนุนหลัก โดย Morgan Stanley คาดการณ์จำนวนรถ Robotaxi แตะ 1 ล้านคันในปี 2035 อย่างไรก็ตาม Goldman Sachs เตือนนักลงทุนให้จับตาความท้าทายเชิงพาณิชย์ด้าน Scalability และ Profitability ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงจาก Waymo และ Uber โดยคงคำแนะนำ Neutral ที่ราคาเป้าหมาย 400 ดอลลาร์

สรุปที่สร้างโดย AI

TradingKey - หุ้น Tesla พุ่งทำจุดสูงสุดใหม่ หลังบริษัทเริ่มทดสอบ Robotaxi เต็มรูปแบบ ไร้คนขับ สร้างความหวังใหม่ให้นักลงทุน แม้เผชิญความท้าทายช่วงต้นปี

หลังจากราคาหุ้นร่วงหนักถึง 36% ในไตรมาสแรก ซึ่งถือเป็นสถิติที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 ล่าสุด หุ้น Tesla ได้ดีดตัวขึ้นอย่างร้อนแรงเพียงชั่วข้ามคืน สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All-time High) ที่ 489.88 ดอลลาร์ นับเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 การพุ่งทะยานครั้งนี้ดันมูลค่าตลาด (Market Cap) ของบริษัทแตะ 1.63 ล้านล้านดอลลาร์ แซงหน้า Broadcom ขึ้นแท่นบริษัทมหาชนที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 7 ของโลก เป็นรองเพียงยักษ์ใหญ่ด้าน Tech อย่าง Nvidia, Apple, Alphabet, Microsoft, Amazon และ Meta เท่านั้น

tesla

ปัจจัยหนุนสำคัญเบื้องหลังการพุ่งขึ้นครั้งนี้ มาจากความเคลื่อนไหวใน Austin ที่ Tesla เริ่มเดินหน้าทดสอบ Robotaxi แบบไร้คนขับเต็มรูปแบบเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยไม่มีพนักงานดูแลความปลอดภัยหรือผู้โดยสารนั่งไปด้วย ทางด้าน Elon Musk ซีอีโอได้โพสต์ข้อความสั้นๆ บนโซเชียลมีเดียว่า "การทดสอบกำลังดำเนินอยู่ ไม่มีคนอยู่ในรถ" ซึ่งเกิดขึ้นเพียง 6 เดือนหลังจากเปิดตัวโครงการนำร่อง Robotaxi ที่ยังมีพนักงานดูแลความปลอดภัยไปเมื่อเดือนมิถุนายน

ทางด้าน Morgan Stanley แสดงความเชื่อมั่นต่อพัฒนาการนี้เป็นอย่างมาก โดยคาดการณ์ว่ากองทัพรถ Robotaxi ของ Tesla อาจขยายตัวอย่างก้าวกระโดดจากปัจจุบันที่มีราว 50-150 คัน เพิ่มเป็น 1,000 คันภายในปี 2026 และคาดว่าจะแตะระดับ 1 ล้านคันภายในปี 2035 ครอบคลุมหลายเมืองทั่วสหรัฐฯ

ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Wedbush ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย (Price Target) สูงสุดในตลาดที่ 600 ดอลลาร์ พร้อมระบุว่า "Tesla กำลังสร้างความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการปฏิวัติวงการ AI โดยวางเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติและหุ่นยนต์เป็นแกนหลักของการเติบโตในปี 2026"

ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าเผชิญแรงกดดัน

อย่างไรก็ตาม แม้ราคาหุ้นจะพุ่งทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ธุรกิจยานยนต์ดั้งเดิมของ Tesla กำลังประสบปัญหา

ข้อมูลจาก Cox Automotive เผยว่า ยอดขายของ Tesla ในสหรัฐฯ เดือนพฤศจิกายนร่วงลงถึง 23% เมื่อเทียบรายปี เหลือเพียง 39,800 คัน ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2022 การลดลงนี้ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลกระทบจากการสิ้นสุดมาตรการเครดิตภาษีรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลกลางมูลค่า 7,500 ดอลลาร์เมื่อปลายเดือนกันยายน ผสมโรงกับกระแสต่อต้านจากผู้บริโภคบางส่วนที่มีต่อจุดยืนทางการเมืองของ Musk ซึ่งฉุดให้ยอดขายชะลอตัวลง

รายได้จากธุรกิจยานยนต์หดตัวลง 20% และ 16% ในสองไตรมาสแรกตามลำดับ โดยยอดส่งมอบลดลง 13% แม้ไตรมาสที่สามรายได้จะโต 12% แต่ส่วนใหญ่เกิดจากการเร่งซื้อก่อนเครดิตภาษีจะหมดอายุ ไม่ใช่ดีมานด์ที่ฟื้นตัวจริง นอกจากนี้ แม้จะมีการเปิดตัว Model Y และ Model 3 รุ่นเริ่มต้นในเดือนตุลาคม ก็ยังไม่สามารถกู้วิกฤตขาลงได้

เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา Michael Burry นักลงทุนชื่อดัง ก็ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าหุ้น Tesla นั้นมี "มูลค่าสูงเกินจริง" (Overvalued)

Goldman Sachs ยังคงสงวนท่าที

ท่ามกลางกระแสความตื่นตัวของตลาด Goldman Sachs ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม เตือนนักลงทุนให้ลดความคาดหวังลง แม้จะยอมรับว่าการทดสอบรถไร้คนขับโดยไม่มีพนักงานดูแลสะท้อนถึงความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีของ Tesla แต่ทีมวิเคราะห์นำโดย Mark Delaney มองว่าตลาดควรเปลี่ยนจุดโฟกัสจากความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี ไปสู่ความท้าทายหลัก 2 ประการในเชิงพาณิชย์ นั่นคือ ความเร็วในการขยายธุรกิจ (Scalability) และความสามารถในการทำกำไร (Profitability)

รายงานเน้นย้ำว่า การแข่งขันที่ดุเดือด โดยเฉพาะคู่แข่งที่รุกตลาดอย่างรวดเร็วเช่น Waymo และ Uber อาจเป็นตัวกดดันอัตรากำไรของ Tesla ในเซกเตอร์นี้

ที่น่าสนใจคือ Goldman Sachs มองว่า "ต้นทุนยานพาหนะ" เป็นปัจจัยรองเมื่อเทียบกับความสามารถในการทำกำไร เพราะผู้ให้บริการรถไร้คนขับสามารถตัดจำหน่ายต้นทุนตัวรถได้ตลอดอายุการใช้งาน ดังนั้น "ความสามารถในการเข้าถึงและให้บริการในพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว" จึงเป็นกุญแจสำคัญมากกว่าต้นทุนการผลิตรถต่อคัน

Goldman Sachs คาดการณ์ว่า ตลาด Robotaxi ในสหรัฐฯ จะมีมูลค่าแตะ 7 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 แต่คู่แข่งต่างได้ปูพรมเครือข่ายไว้เรียบร้อยแล้ว โดย Waymo ครองความได้เปรียบในฐานะผู้บุกเบิก (First Mover) ในเขตเมือง ขณะที่ Uber กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วผ่านฐานผู้ใช้งานเดิมที่มีอยู่มหาศาล แม้ Tesla จะโดดเด่นเรื่องเทคโนโลยี แต่ยังคงต้องพิสูจน์ตัวเองในสมรภูมิเชิงพาณิชย์จริง

ด้วยสภาวะการแข่งขันที่เข้มข้น Goldman Sachs จึงยังคงคำแนะนำ "Neutral" (เป็นกลาง) สำหรับหุ้น Tesla โดยให้ราคาเป้าหมาย 12 เดือนที่ 400 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบันราว 15.8%

นักวิเคราะห์ทิ้งท้ายว่า "เรายังมองว่าระบบขับขี่อัตโนมัติจะเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการเติบโตของ Tesla แต่แรงกดดันจากการแข่งขันอาจเป็นตัวจำกัดศักยภาพในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต"

เนื้อหานี้ได้รับการแปลโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) และผ่านตรวจสอบโดยมนุษย์ มีไว้เพื่อการอ้างอิงและข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่การแนะนำการลงทุนแต่อย่างใด

ดูบทความต้นฉบับ
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: เนื้อหาของบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น และไม่ได้สะท้อนท่าทีอย่างเป็นทางการของ Tradingkey ไม่ควรถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น และผู้อ่านไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยอิงจากเนื้อหาของบทความนี้เท่านั้น Tradingkey ไม่รับผิดชอบต่อผลการเทรดใด ๆ ที่เกิดจากการพึ่งพาบทความนี้ นอกจากนี้ Tradingkey ไม่สามารถรับประกันความถูกต้องของเนื้อหาบทความ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนใดๆ ขอแนะนำให้ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้
Tradingkey

บทความแนะนำ

KeyAI