
TradingKey – หลังจากที่ Perplexity เปิดตัวเบราว์เซอร์ Comet, Brave Browser และ Opera เปิดตัว Neon ไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้วงการ “เบราว์เซอร์ปัญญาประดิษฐ์” (AI Browser) ก็ได้ต้อนรับผู้เล่นรายใหญ่ระดับโลกอย่าง OpenAI เข้าสู่สนามอย่างเต็มตัว
เมื่อวันอังคารที่ 21 ตุลาคม 2568 OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT ได้เปิดตัวเบราว์เซอร์แรกของบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้ชื่อ “ChatGPT Atlas” ซึ่งไม่เพียงแต่สะท้อนว่าสงคราม AI ได้ขยายแนวรบมาถึงโลกของเบราว์เซอร์เท่านั้น แต่ยังถือเป็นการท้าทายโดยตรงต่อยักษ์ใหญ่ด้านเบราว์เซอร์อย่างกูเกิลอย่างชัดเจน
เบราว์เซอร์ตัวใหม่นี้มีหน้าตาและการใช้งานคล้ายกับเบราว์เซอร์ทั่วไป แต่ถูกออกแบบมาโดยรอบๆ โมเดลแชทบอตสร้างสรรค์อย่าง ChatGPT โดยยกเลิกแถบที่อยู่ (address bar) ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบหลักของการค้นหาในเบราว์เซอร์แบบดั้งเดิม
ผู้ใช้งานสามารถเปิดแถบข้าง (sidebar) ของ ChatGPT ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่ในหน้าเว็บไหน เพื่อถามคำถาม สรุปเนื้อหา เปรียบเทียบสินค้า หรือแม้แต่จองเที่ยวบินได้ทันที
ทั้งนี้ “เบราว์เซอร์ AI” ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด แต่กลับกลายเป็นสนามแข่งที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ Perplexity เปิดตัวเบราว์เซอร์ Comet เวอร์ชันพรีเมียมในเดือนกรกฎาคม ก่อนจะเปิดให้ใช้งานฟรีทั้งหมดเมื่อต้นเดือนนี้ ส่วนกูเกิลเองก็เพิ่งผนวกรวมโมเดล Gemini เข้าไปในเบราว์เซอร์ Chrome เมื่อไม่นานมานี้
สำหรับบริษัทผู้พัฒนาโมเดล AI รายใหญ่ การเข้าสู่ตลาดเบราว์เซอร์ถือเป็นอีกช่องทางในการสร้างรายได้ ในขณะที่ผู้ผลิตเบราว์เซอร์ดั้งเดิมก็ต้องปรับตัวตามกระแสเทคโนโลยี AI เพื่อรักษาฐานผู้ใช้งานของตนเอง
หลังจากที่ OpenAI เปิดตัว Atlas ราคาหุ้นกูเกิลร่วงลงทันทีราว 5% ในช่วงกลางวันอังคาร ก่อนจะฟื้นตัวเล็กน้อยและปิดตลาดด้วยการปรับตัวลงกว่า 2%
นักวิเคราะห์จากธนาคารอเมริกันอย่าง Justin Post สะท้อนความกังวลของตลาดโดยรวมเกี่ยวกับการที่ส่วนแบ่งตลาดของกูเกิลอาจถูกกระทบ โดยเขาให้ความเห็นไว้ล่วงหน้าตั้งแต่วันจันทร์ว่า OpenAI มีฐานผู้ใช้งานทั่วโลกที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะสร้างแรงกดดันด้านการแข่งขันให้กับกูเกิลและบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อื่นๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ข้อมูลจาก Demandsage ระบุว่า ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ChatGPT มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์อยู่ที่ 400 ล้านคน แต่เพียง 8 เดือนต่อมา CEO ของ OpenAI อย่าง Sam Altman ได้เปิดเผยว่า ตัวเลขดังกล่าวพุ่งทะลุ 800 ล้านคนแล้ว
อย่างไรก็ตาม Pat Moorhead ซีอีโอของ Moor Insights & Strategy มองว่า แม้ผู้ใช้งานกลุ่มแรก (early adopters) จะรีบเข้าไปลองใช้ Atlas แต่เขายังคงสงสัยว่าเบราว์เซอร์ตัวนี้จะสามารถท้าทาย Chrome หรือ Microsoft Edge ได้จริงหรือไม่
เหตุผลก็เพราะผู้ใช้งานทั่วไป ผู้เริ่มต้น หรือแม้แต่องค์กรส่วนใหญ่ มักจะรอให้เบราว์เซอร์ที่คุ้นเคยอยู่แล้วอัปเกรดฟีเจอร์ AI เข้ามาแทน ซึ่ง Microsoft Edge ก็ได้ทำเช่นนั้นไปก่อนหน้านี้แล้ว
แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ขณะนี้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมากเริ่มหันมาใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ เช่น ChatGPT, Gemini หรือ DeepSeek เพื่อสอบถามข้อมูล ขอคำแนะนำ หรือหาคำตอบต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ
บริษัทวิจัย Datos ชี้ว่า ณ เดือนกรกฎาคม 2568 ปริมาณการค้นหาบนเดสก์ท็อปที่ไหลไปหาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) มีสัดส่วนอยู่ที่ 5.99% ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
เนื้อหานี้แปลโดย AI ซึ่งอาจมีข้อผิดพลาดจากข้อจำกัดทางเทคโนโลยีและภาษา จึงไม่สามารถรับประกันความถูกต้อง และความสมบูรณ์ของเนื้อหาได้ทั้งหมด ในการนำข้อมูลไปใช้ โปรดอ้างอิงจากต้นฉบับ และใช้วิจารณญาณประกอบการตัดสินใจ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือความเข้าใจผิดใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้เนื้อหาดังกล่าว