TradingKey — การปะทะกันทางสาธารณะระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และซีอีโอเทสลา อีลอน มัสก์ ได้บานปลายจนกลายเป็นวิกฤตตลาดอย่างเต็มรูปแบบ หุ้นเทสลาร่วงกว่า 14% กวาดมูลค่าตลาดหายไปราว 150 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันเดียว ถือเป็นการขาดทุนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท
นักวิเคราะห์วอลล์สตรีทประเมินสถานการณ์ว่าเป็น “lose-lose” สถานการณ์แพ้ทั้งคู่ — อาณาจักรธุรกิจขนาดมหึมาของมัสก์กำลังเผชิญความไม่แน่นอนที่พุ่งสูงขึ้น ขณะที่รัฐบาลทรัมป์เสี่ยงทำลายต้นกำลังสำคัญในภาคเทคโนโลยีและการสำรวจอวกาศของสหรัฐฯ
ความขัดแย้งบานปลายขึ้นหลังมัสก์วิจารณ์ร่างกฎหมาย Beautiful America Act ของทรัมป์อย่างตรงไปตรงมา ทรัมป์จึงสวนกลับ กลายเป็นการปะทะทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ ที่เขย่าตลาดทุนและก่อให้เกิดความกังวลด้านความมั่นคงของชาติ
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ทรัมป์แสดงความผิดหวังต่อมัสก์ โดยกล่าวว่า “ผมผิดหวังมาก เพราะอีลอนรู้การทำงานภายในของร่างกฎหมายฉบับนี้ดีกว่าเกือบทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ ทันใดนั้นเขาก็มีปัญหา”
มัสก์ตอบโต้ว่าเขาแทบไม่รู้รายละเอียดของร่างกฎหมายนี้เลย และในตอบสนองต่อนโยบายของทรัมป์ที่ขู่ว่าจะถอดถอนสัญญาของรัฐบาล มัสก์ได้พิจารณาที่จะระงับภารกิจยานอวกาศดราก้อนของ SpaceX สำหรับภารกิจภาครัฐ ซึ่งอาจสร้างผลกระทบรุนแรงต่อขีดความสามารถด้านอวกาศของสหรัฐฯ
การปะทะระหว่างทรัมป์และมัสก์ส่อเค้าส่งสัญญาณ “เทสลาล่มสลาย” อีกครั้งหรือไม่?
ต้นปีนี้ การที่มัสก์เข้าไปเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมเหรียญมีม DOGE เคยทำให้หุ้นเทสลากระหน่ำขายจนครึ่งมูลค่าหายไป แต่เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม หุ้นเทสลากลับฟื้นตัวแรง ร่วงขึ้นมาโดยเฉลี่ยราว 50%
ทว่าขณะนี้ นักลงทุนเริ่มกังวลมากขึ้นว่า ความขัดแย้งระหว่างมัสก์และทรัมป์ที่ลุกลามรุนแรง อาจพาเทสลาเข้าใกล้ความเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน หุ้นเทสลาร่วงลง 14.26% — การร่วงหนักวันเดียวครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 — กวาดมูลค่าตลาดหายไปถึง 152.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มูลค่าส่วนตัวของมัสก์นั้นลดลงถึง 34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันเดียว ถือเป็นการขาดทุนใน 1 วันอันดับสองในประวัติศาสตร์ดัชนี Bloomberg Billionaires (รองจากการขาดทุนที่เกิดขึ้นในพฤศจิกายน 2021 ของเขาเอง)
ราคาหุ้นเทสลา ที่มา: TradingKey
“เรื่องทั้งหมดมันโง่ชัดๆ” นักวิเคราะห์จาก Phoenix Financial Services กล่าว “มูลค่าของเทสลาแยกจากตัวมัสก์ไม่ได้ บริษัทเทรดบนชื่อเสียงและบุคลิกของเขา ถ้ามูลค่าที่แท้จริงมีอยู่อย่างมั่นคงเทสลาก็คงไม่หวือหวาแบบนี้”
บรรดาผู้ค้าในวอลล์สตรีทรายงานว่า มีแรงขายถล่มจากสถาบันหลังการปะทะยืดเยื้อนี้ “นี่คือหายนะของมัสก์” ซีอีโอของ Gerber Kawasaki Wealth and Investment Management กล่าว “ถ้าสถานการณ์ยืดเยื้อ มันจะกระทบกับแนวโน้มผลประกอบการของเทสลาโดยตรง”
นักวิเคราะห์คนหนึ่งเสริมว่า ข้อพิพาทนี้ทำให้สถานการณ์ของเทสลากลายเป็นเรื่องซับซ้อนยิ่งขึ้น แม้ยอดขายรถยนต์อ่อนแอจะถูกชดเชยด้วยความคาดหวังในโครงการ Robotaxi ที่กำลังจะเปิดตัว แต่หากโครงการนั้นกลายเป็นเป้าถล่มทางการเมืองอีกครั้ง ความเชื่อมั่นของนักลงทุนอาจเปลี่ยนทิศอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่นักวิเคราะห์ทุกคนจะมองในแง่ลบ Dan Ives นักวิเคราะห์สาย Bull ของเทสลาจาก Wedbush Securities ยังคงมองโลกในแง่ดี เขาเรียกดราม่าทางการเมืองนี้ว่า “แค่เศษฝุ่นที่รบกวน” สำหรับแฟนๆ เทสลาเท่านั้น
สหรัฐฯ จะรับไหวหรือหากเสียมัสก์ไป?
กระทบกระทั่งระหว่างมัสก์และทรัมป์ไม่ได้หยุดแค่ถ้อยคำ มัสก์ถึงกับขู่จะดึง SpaceX ออกจากภารกิจอวกาศสำคัญของสหรัฐฯ รวมถึงการขนย้ายเจ้าหน้าที่และขนส่งสินค้าขึ้นสถานีอวกาศนานาชาติผ่านยานดราก้อน
นักวิจัยจากศูนย์การศึกษายุทธศาสตร์และระหว่างประเทศ (CSIS) เตือนว่า หากไม่มี SpaceX หน่วยงานสำคัญของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่พึ่งพาอวกาศจะเผชิญกับคลื่นผลกระทบ — โดยเฉพาะเพนตากอนและนาซา ปัจจุบันไม่มีบริษัทเอกชนใดเข้ามาแทนที่ขีดความสามารถของ SpaceX ได้ในระดับเดียวกัน
นักเศรษฐศาสตร์จาก Bloomberg ยังสะท้อนความกังวลในทำนองเดียวกันว่า การพุ่งเป้าไปยังบริษัทในเครือมัสก์อาจทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบด้านเทคโนโลยี ตั้งแต่ SpaceX ยันเทสลา และ Grok AI ธุรกิจของมัสก์มอบความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ให้สหรัฐฯ ในหลายโดเมน
ยิ่งความตึงเครียดบานปลาย ยิ่งเกิดคำถามว่า ใครกันแน่ที่จะเสียหายมากกว่า มัสก์ หรือสหรัฐฯ?