TradingKey – ภายหลังการเจรจาระดับสูงด้านเศรษฐกิจและการค้า สหรัฐฯ และจีนประกาศว่า “มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม” ในการเจรจา ตามแถลงการณ์ร่วมวันที่ 12 พฤษภาคม จีนจะปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ จาก 125% เหลือ 10% ขณะที่สหรัฐฯ จะลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจาก 145% เหลือ 30% ข่าวนี้กระตุ้นให้สินทรัพย์เสี่ยงเคลื่อนไหวในแดนบวกอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นฟิวเจอร์สสหรัฐฯ หุ้นฮ่องกง และราคาน้ำมัน ในขณะที่ทองคำสินทรัพย์ปลอดภัยปรับตัวลงมากกว่า 3%
ในแถลงการณ์ร่วมหลังการเจรจาการค้าสหรัฐฯ–จีน ณ กรุงเจนีวา ทั้งสองประเทศยอมรับถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจทวิภาคีต่อกันและต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก พร้อมตกลงที่จะปรับลดอัตราภาษีบางรายการชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน
การคลายความตึงเครียดทางการค้าได้หนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดทั่วโลก ดัชนี Hang Seng Tech ปรับตัวขึ้นกว่า 6% ทันทีหลังเวลา 15:00 น. ฟิวเจอร์ส Nasdaq 100 บวกกว่า 3% และฟิวเจอร์ส S&P 500 ขึ้นกว่า 2.5% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 3%
ในขณะเดียวกัน สินทรัพย์ปลอดภัยถูกขายออกอย่างหนัก โดยราคาทองคำดิ่งลง 3.48% สู่ระดับ 3,227.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ก่อนหน้านี้ สงครามการค้าภายใต้รัฐบาลทรัมป์ 2.0 เคยกลายเป็นปัจจัยหนุนดีมานด์ทองคำให้พุ่งขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อธนาคารกลางและนักลงทุนรายย่อยแห่ซื้อกองทุนทองคำ ETF จนราคาทำนิวไฮหลายครั้งในปีนี้
ก่อนการเผยแพร่แถลงการณ์ร่วมของสหรัฐฯ–จีน บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Moody’s เคยคาดการณ์ว่าภาษีระหว่างสองประเทศจะลดลงครึ่งหนึ่งภายในสัปดาห์ข้างหน้า ในขณะที่ BNP Paribas คาดว่าอัตราภาษีของสหรัฐฯ กับจีนจะลดลงเหลือ 45%
นักวิเคราะห์ของ J.P. Morgan ระบุว่าขนาดของการปรับลดภาษีครั้งนี้เกินความคาดหมายของตลาดอย่างมาก สะท้อนถึงการตระหนักร่วมกันว่าการเก็บภาษียืดเยื้ออาจสร้างความเสียหายต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจโลก ขณะที่การเจรจาต่อเนื่องถือเป็นแนวทางที่ดีกว่าในการขับเคลื่อนต่อไป
ผู้สื่อข่าว Bloomberg สังเกตว่า จากปฏิกิริยาตลาดที่รุนแรงแล้ว ข้อตกลงสหรัฐฯ–จีนครั้งนี้ดูเหมือนจะมีเนื้อหาลึกกว่าที่นักลงทุนคาดหวังไว้ ด้วยการปรับลดภาษีอย่างมีนัยสำคัญ การประสานความร่วมมือในการเจรจา และความมุ่งมั่นที่จะสานต่อการเจรจา ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นสัญญาณบวกต่อความคืบหน้าในอนาคต