tradingkey.logo

ทรัมป์ประกาศแผนเก็บภาษียา-เซมิคอนดักเตอร์ เริ่ม 1 ส.ค. นี้ พร้อมลดภาษีกับอินโดนีเซียและหวังเจรจากับจีนก้าวหน้า

TradingKey
ผู้เขียนYulia Zeng
16 ก.ค. 2025 เวลา 5:34
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีแผนเก็บภาษีนำเข้ายาและเซมิคอนดักเตอร์ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อบริษัทผู้ผลิตยาขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ
  • นอกจากนี้ยังได้ตกลงลดภาษีจากอินโดนีเซียเหลือ 19% และคาดว่าจะมีการเจรจาข้อตกลงการค้ากับอินเดียและประเทศอื่น ๆ
  • รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ มั่นใจว่าการเจรจากับจีนจะมีความก้าวหน้า แม้เส้นตายสงบศึกภาษีใกล้เข้ามา

TradingKey - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้สัมภาษณ์ล่าสุดเกี่ยวกับแผนการเก็บภาษีนำเข้ารวมถึงยาและเซมิคอนดักเตอร์ โดยมีแนวโน้มที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทผู้ผลิตยา เช่น Eli Lilly, Merck และ Pfizer ที่มีฐานการผลิตในต่างประเทศ รวมถึงผู้บริโภคชาวอเมริกันที่ต้องเผชิญหน้ากับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น

ทรัมป์ระบุว่าการเก็บภาษีกลุ่มยาจะเริ่มด้วยอัตราที่ต่ำเพื่อให้อุตสาหกรรมยามีเวลาหนึ่งปีในการปรับเปลี่ยนฐานการผลิต ต่อมาอัตราภาษีจะแปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ขณะที่การกำหนดภาษีในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์จะเป็นไปอย่างง่ายดายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับระเบียบที่แน่นอน

ในขณะเดียวกัน ภายในวันอังคารที่ผ่านมา (15 กรกฎาคม) ทรัมป์ได้ประกาศข้อตกลงใหม่กับอินโดนีเซียเพื่อลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้า โดยลดจาก 32% เหลือ 19% โดยสหรัฐฯ คาดว่าจะได้รับมูลค่าการค้าจากการนำเข้าพลังงาน สินค้าเกษตร และเครื่องบินโบอิ้ง

ทั้งนี้ ทรัมป์ยังได้เน้นย้ำถึงแผนจะเตรียมเก็บภาษีทองแดงที่สูงถึง 50% และคาดว่า จะจัดเก็บภาษียาสูงสุดถึง 200% ในอนาคต หลังจากผ่านช่วงเวลาเพื่อให้บริษัทยา ย้ายฐานกลับมายังประเทศ

นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้มีความเห็นว่า เส้นตายสงบศึกทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 12 สิงหาคม ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ เชื่อว่าการหารือระหว่างสองประเทศกำลังพัฒนาไปในทางที่ดี ทั้งนี้ นักลงทุนไม่ควรกังวลเกี่ยวกับวันที่ดังกล่าว เนื่องจากคู่เจรจาที่สำคัญอย่างนายเหอ ลี่เฟิง อาจสามารถพูดคุยกันในเร็วๆ นี้

คำกล่าวของเบสเซนต์ ส่งผลให้เกิดความมั่นใจในตลาดว่า ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างจีน-สหรัฐฯ ไม่น่าจะเข้าสู่สถานการณ์วิกฤติอีกครั้ง ถือเป็นข่าวดีสำหรับนักลงทุนและตลาดหุ้นทั่วโลก

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลที่ให้ไว้บนเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน

บทความที่เกี่ยวข้อง

KeyAI