TradingKey – การผลักดันให้ขึ้นอัตราภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างไม่หยุดยั้ง ไม่เพียงแต่คุกคามการเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลก แต่ยังกัดกร่อนคะแนนอนุมัตินโยบายเศรษฐกิจของเขาจนแตะจุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์การดำรงตำแหน่ง ขณะที่ภายในพรรครีพับลิกันเอง ก็มีเสียงเรียกร้องให้ยุติสงครามภาษีนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากรายงานของ CNBC เมื่อวันที่ 19 เมษายน การสำรวจ CNBC All‑America Economic Survey พบว่า ด้วยความไม่พอใจในมาตรการภาษี ค่าครองชีพที่พุ่งสูง และการใช้จ่ายภาครัฐของทรัมป์ อัตราการอนุมัตินโยบายเศรษฐกิจจึงลดลงเหลือเพียง 43% ขณะที่ผู้ไม่เห็นด้วยอยู่ที่ 55%
นี่เป็นครั้งแรกในการสำรวจของ CNBC ที่ความคิดเห็นต่อจุดยืนด้านเศรษฐกิจของทรัมป์เปลี่ยนมาเป็นด้านลบ ในตอนที่ทรัมป์เข้าดำรงตำแหน่ง ชาวอเมริกันจำนวนมากหวังว่าจะเห็นการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้ประธานาธิบดีที่ให้ความสำคัญต่อภาคธุรกิจ โดยคาดหวังมาตรการต่างๆ เช่น การลดภาษีและการปลดล็อกข้อจำกัด
แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจระบุว่า ทรัมป์ได้รับเลือกใหม่เพื่อยกระดับเศรษฐกิจ แต่จนถึงตอนนี้ ประชาชนกลับไม่พึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้เห็น
นอกจากเสียงคัดค้านจากคู่ค้าหลักอย่างจีนและสหภาพยุโรป รวมถึงพรรคเดโมแครตแล้ว ความไม่พอใจต่อมาตรการภาษีของทรัมป์ยังขยายวงกว้างไปถึงสมาชิกพรรครีพับลิกันเอง
รายงานจาก The Hill เปิดเผยว่า นักการเมืองรีพับลิกันแสดงความกังวลต่อมาตรการภาษีของทรัมป์ในที่ประชุมลับ และมองหาความช่วยเหลือจากศาลสูงสหรัฐฯ เพื่อยุติสงครามภาษีครั้งนี้
แหล่งข่าวระบุว่า ส.ส. เหล่านี้ลังเลที่จะออกมาต่อต้านทรัมป์อย่างเปิดเผย เนื่องจากเกรงว่าจะเสียคะแนนเสียงทางการเมือง แต่อยากฝากความหวังไว้กับศาลสูงให้คุ้มครองอำนาจตามรัฐธรรมนูญของสภาคองเกรสในการจัดเก็บภาษี
นักการเมืองรีพับลิกันที่ถูกขนานนามว่า ‘โกรธแต่เงียบ’ มองว่ามาตรการของทรัมป์รุนแรงเกินไป หากเศรษฐกิจร่วงเข้าสู่ภาวะถดถอย โอกาสในการได้รับเลือกตั้งใหม่ของพวกเขาอาจถูกลดทอน
สมาชิกบางคนของพรรคกังวลว่านโยบายภาษีอาจกลายเป็นถาวร ซึ่งจะยิ่งทำให้คะแนนอนุมัติของพรรครีพับลิกันดิ่งลง และอาจกลายเป็น ‘โศกนาฏกรรม’ สำหรับรีพับลิกันในการเลือกตั้งกลางเทอมปี 2026