tradingkey.logo

สบน. ระบุว่าการลดเงินนำส่ง FIDF เพื่อลดหนี้ครัวเรือนไม่ส่งผลให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น

TradingKey
ผู้เขียนTony
27 พ.ย. 2024 เวลา 6:40

- การลดเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF จาก 0.46% เหลือ 0.23% เป็นนโยบายรัฐบาลที่คาดว่าจะไม่กระทบต่อหนี้สาธารณะของประเทศ

- การลดเงินนำส่งอาจยืดระยะเวลาการชำระหนี้ออกไป 1-1.5 ปี และเพิ่มภาระดอกเบี้ย 100-500 ล้านบาทต่อปี

- สัดส่วนหนี้สาธารณะของไทย ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2567 อยู่ที่ 62.33% ต่อ GDP ต่ำกว่าคาดการณ์ และคาดว่าจะขยับขึ้นเล็กน้อยภายในสิ้นปีงบประมาณ 2568

นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการลดเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) จาก 0.46% เหลือ 0.23% ว่ามาตรการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนโดยไม่กระทบต่อหนี้สาธารณะของประเทศ การดำเนินการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสถาบันการเงิน

ณ ปัจจุบัน กองทุน FIDF มีหนี้คงเหลือกว่า 5 แสนล้านบาท การลดเงินนำส่งจะยืดระยะเวลาชำระหนี้ออกไปประมาณ 1-1.5 ปี และเพิ่มภาระดอกเบี้ยต่อปีราว 100-500 ล้านบาท โดย ธปท. เป็นผู้รับผิดชอบในภาระดังกล่าว นายพชรเน้นว่า การลดเงินนำส่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาล ทำให้ไม่มีผลกระทบต่อสัดส่วนหนี้สาธารณะ

นายพชรกล่าวว่า การลดเงินนำส่ง FIDF จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งลูกหนี้และสถาบันการเงิน โดยเพิ่มโอกาสให้ลูกหนี้ที่ยังไม่เป็นหนี้เสียสามารถกลับมายืนได้ และช่วยลดสัดส่วนหนี้เสียของสถาบันการเงิน ในอนาคต สัดส่วนหนี้สาธารณะของไทย ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2567 อยู่ที่ 62.33% ต่อ GDP ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์และมีแนวโน้มจะขยายขึ้นเล็กน้อยภายในสิ้นปีงบประมาณ 2568

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กล่าวเพิ่มเติมว่ามาตรการช่วยเหลือหนี้ครัวเรือนจะมีรายละเอียดออกมาก่อนสิ้นปี 2567 โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากการลดเงินนำส่ง FIDF และการสนับสนุนเพิ่มเติมจากธนาคารพาณิชย์

ตรวจสอบโดยTony
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลที่ให้ไว้บนเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน
Tradingkey

บทความที่เกี่ยวข้อง

GPT-5.2 เปิดตัว: OpenAI เผยความแข็งแกร่งในโอกาสครบรอบ 10 ปี ตอกย้ำการครองจุดยุทธศาสตร์สำคัญด้าน AI ด้วยโมเดลระดับมืออาชีพ

TradingKey - เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากเปิดตัว "Red Alert" ทาง OpenAI ได้เผยโฉมโมเดลเรือธงล่าสุดในซีรีส์ GPT-5.2 อย่างเป็นทางการเมื่อวันพฤหัสบดี OpenAI ระบุว่า GPT-5.2 ถูกวางตำแหน่งให้เป็น "โซลูชันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงานที่ต้องใช้ความรู้ระดับมืออาชีพ" โดยประสบความสำเร็จครั้งสำคัญในความสามารถหลักหลายด้าน ที่โดดเด่นคือ GPT-5.2 Thinking version ได้กลายเป็นโมเดล AI ตัวแรกของบริษัทที่สามารถเข้าถึงระดับผู้เชี่ยวชาญของมนุษย์ในงานวิศวกรรมซอฟต์แวร์ที่ใช้งานจริง
TradingKey
วันศุกร์ที่ 12 ธ.ค.
cover
KeyAI