tradingkey.logo

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ประมาณ 99.50 เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายของเฟด

FXStreet31 ต.ค. 2025 เวลา 5:56
  • ดัชนีดอลลาร์สหรัฐทรงตัว นักเทรดระมัดระวัง ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับท่าทีของเฟด
  • CME FedWatch Tool ระบุว่ามีโอกาส 71% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้นจาก 66% เมื่อวันก่อน
  • นักเทรดรอความคิดเห็นเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่เฟดเพื่อหาสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มของนโยบาย

ในช่วงเช้าของตลาดลงทุนเอเชียวันศุกร์ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ซึ่งวัดมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุล ยังคงทรงตัวและเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 99.50 เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวเล็กน้อย ขณะที่ความคาดหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นทำให้ผลกระทบจากความคิดเห็นที่เข้มงวดของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ อ่อนแอลง

ตามข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ขณะนี้ตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาส 71% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้นจาก 66% ในวันก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นการลดลงจากเกือบ 91% ก่อนหน้านี้ หลังจากที่ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ เตือนในระหว่างการแถลงข่าวหลังการประชุมว่า ผู้กำหนดนโยบายอาจต้องใช้แนวทางรอดูจนกว่าการรายงานข้อมูลอย่างเป็นทางการจะกลับมาอีกครั้ง พาวเวลล์ยังได้กล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคมยังไม่แน่นอน โดยเน้นว่าภาพรวมยังคงไม่แน่นอน

ประธานเฟดยังกล่าวว่า ธนาคารกลางกำลังพยายามหาสมดุลระหว่างการควบคุมเงินเฟ้อและสนับสนุนการจ้างงาน เนื่องจากมีข้อมูลที่จำกัดท่ามกลางการชัตดาวน์รัฐบาลของสหรัฐฯ ที่ยังไม่จบ

เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดพื้นฐานเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทำให้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงลดลงอยู่ในช่วง 3.75%–4.0% ด้วยคะแนนเสียง 10–2 การตัดสินใจนี้ไม่เป็นเอกฉันท์ เนื่องจากผู้ว่าการเฟด สตีเฟน มิราน สนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 จุดพื้นฐาน ในขณะที่ประธานเฟดแคนซัสซิตี้ เจฟฟรีย์ ชมิด ลงคะแนนให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ไม่เปลี่ยนแปลง

ในขณะเดียวกัน การประชุมระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และสี จิ้นผิง สรุปได้ว่า สหรัฐฯ ตกลงที่จะลดภาษีลงเหลือ 47% จาก 57% สำหรับสินค้าจีน ขณะที่จีนให้คำมั่นว่าจะลดการส่งออกฟันตานิล เพิ่มการซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ และระงับข้อจำกัดในการส่งออกแร่หายาก

US Dollar: คำถามที่พบบ่อย

ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นสกุลเงินที่ใช้อย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกา และเป็นสกุลเงินที่ใช้ 'โดยพฤตินัย' ของประเทศอื่น ๆ จำนวนมากที่มีการหมุนเวียนควบคู่ไปกับสกุลเงินท้องถิ่น เป็นสกุลเงินที่มีการซื้อขายกันมากที่สุดในโลก โดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 88% ของมูลค่าการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทั่วโลก หรือมีมูลค่าธุรกรรมเฉลี่ย 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวันตามข้อมูลของปี 2022 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สกุลเงิน USD เข้ามารับช่วงต่อตำแหน่งสกุลเงินสำรองของโลกจากสกุลเงินปอนด์ของอังกฤษที่เป็นในประวัติศาสตร์ใหญ่ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้ถูกค้ำด้วยทองคำ จนกระทั่งเกิดข้อตกลง Bretton Woods ในปี 1971 เมื่อมาตรฐานการค้ำด้วยทองคำหมดไป

ปัจจัยเดียวที่สำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐคือนโยบายทางการเงินซึ่งกำหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เฟดมีหน้าที่สองประการ: เพื่อให้บรรลุเสถียรภาพด้านราคา (ควบคุมอัตราเงินเฟ้อ) และส่งเสริมการจ้างงานเต็มรูปแบบ เครื่องมือหลักในการบรรลุเป้าหมายทั้งสองนี้คือการปรับอัตราดอกเบี้ย เมื่อราคาต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้นเร็วเกินไปและอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด ทางเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งจะหนุนค่าเงิน USD แต่เมื่ออัตราเงินเฟ้อลดลงต่ำกว่า 2% หรืออัตราการว่างงานสูงเกินไป เฟดอาจเลือกปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อสกุลเงินดอลลาร์

ในสถานการณ์ที่รุนแรงมากจริง ๆ ทาง Federal Reserve ยังสามารถพิมพ์ดอลลาร์ออกมาเพิ่มเติมและออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ได้ การทำ QE เป็นกระบวนการที่เฟดเพิ่มการไหลเวียนของสินเชื่อในระบบการเงินที่ติดขัดอยู่อย่างมาก โดยเป็นมาตรการทางนโยบายที่ไม่ได้เป็นมาตรฐานซึ่งใช้เมื่อสินเชื่อหมดเนื่องจากธนาคารจะไม่ให้กู้ยืมระหว่างกัน (เพราะกลัวคู่สัญญาจะผิดนัดชำระหนี้) ก็เป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อการลดอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวไม่น่าจะบรรลุผลลัพล์ที่จำเป็น ถือเป็นเครื่องทางเลือกสุดท้ายของเฟดในการต่อสู้กับวิกฤติสินเชื่อที่เกิดขึ้นระหว่างวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ในปี 2008 โดยเกี่ยวข้องกับการที่เฟดพิมพ์เงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นและใช้เงินเหล่านั้นเพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสถาบันการเงินต่าง ๆ การทำ QE มักจะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง

การกระชับเชิงปริมาณ (QT) เป็นกระบวนการย้อนกลับของการทำ QE โดยที่ Federal Reserve จะหยุดซื้อพันธบัตรจากสถาบันการเงินและไม่นำเงินต้นไปลงทุนใหม่จากพันธบัตรที่ถืออยู่เพื่อซื้อใหม่ ซึ่งมักจะเป็นปัจจัยบวกสำหรับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลที่ให้ไว้บนเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน

บทความที่เกี่ยวข้อง

KeyAI