ฟิวเจอร์ส Dow เพิ่มขึ้น 0.3% ขณะที่ตลาดกำลังประมวลผลข้อมูลผลประกอบการรายไตรมาสของ Nvidia
ผลประกอบการของผู้ผลิตชิปเกินความคาดหมาย ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าที่สูงเกินไปในภาค AI ลดลง
ความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนกันยายนกำลังสนับสนุนหุ้นเพิ่มเติม
ฟิวเจอร์ส Dow Jones กำลังซื้อขายสูงขึ้น 0.3% ก่อนเปิดตลาดสหรัฐในวันพฤหัสบดีไม่กี่ชั่วโมง ตัวเลขผลประกอบการที่ดีจาก Nvidia ซึ่งเป็นผู้นำในด้าน AI และความหวังของตลาดเกี่ยวกับการผ่อนคลายของเฟดในเดือนกันยายนกำลังเพิ่มความต้องการความเสี่ยงในระดับปานกลาง
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ผู้ผลิตชิป Nvidia รายงานผลประกอบการรายไตรมาส โดยมีรายได้ 46.74 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่สอง ซึ่งสูงกว่าความคาดหมายที่ 46.06 พันล้านดอลลาร์ บริษัทยังคาดการณ์การเติบโตของยอดขายมากกว่า 50% ในไตรมาสนี้ เพื่อลดความกลัวเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าที่สูงเกินไปของบริษัท AI
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รายได้จากศูนย์ข้อมูลที่ต่ำกว่าคาดและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการส่งออกไปยังจีนทำให้เกิดปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ในทันที ซึ่งต่อมาลดลง
นอกจากนี้ เฟด วิลเลียมส์ ยังได้กระตุ้นความหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน โดยยืนยันว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงในบางจุด และในมุมมองของเขา การประชุมนโยบายการเงินทุกครั้งถือเป็น "สด" สำหรับการปรับอัตราดอกเบี้ย
ตลาดฟิวเจอร์สขณะนี้กำลังคาดการณ์โอกาส 87% สำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นจาก 75% ในสัปดาห์ที่แล้ว ความหวังในสภาพการเงินที่ง่ายขึ้นกำลังสนับสนุนความต้องการของนักลงทุนในหุ้น แม้ว่าความเชื่อมั่นในความเสี่ยงอาจยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ก่อนการประกาศดัชนีราคาสินค้า PCE ในวันศุกร์
นักลงทุนจะมองหาข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ PCE เพื่อหาคำใบ้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลลัพธ์ของการประชุมในเดือนกันยายน ความเห็นของตลาดชี้ให้เห็นว่าตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปจะคงที่ที่อัตรา 2.6% ต่อปี โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเร่งตัวขึ้นเป็น 2.9% จาก 2.8% ในเดือนมิถุนายน
ดาวโจนส์ (DJIA) คือมาตรวัดคาเฉลี่ยของบริษัทในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในดัชนีตลาดหุ้นที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดาวโจนส์รวบรวมจากหุ้นที่มีการซื้อขายมากที่สุด 30 อันดับในสหรัฐฯ และจะถ่วงน้ำหนักด้วยการเคลื่อนไหวของราคามากกว่าถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตามราคาตลาด คำนวณโดยการรวมราคาของหุ้นที่เป็นส่วนประกอบแล้วหารด้วยตัวคูณซึ่งปัจจุบันคือ 0.152 ดัชนีนี้ก่อตั้งโดย ชาร์ลส ดาว (Charles Dow) ผู้ก่อตั้ง วารสารวอลล์สตรีท (Wall Street Journal) ในช่วงหลายปีต่อมา มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าดาวโจนส์ไม่ได้เป็นตัวแทนของสินทรัพย์ในวงกว้างเพียงพอ เนื่องจากอ้างอิงการเคลื่อนของกลุ่มบริษัทเพียง 30 กลุ่มเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากดัชนีอ้างอิงข้อมูลจากบริษัทที่มีจำนวนมากกว่าอย่างเช่น S&P 500
ปัจจัยที่แตกต่างกันมากมายผลักดันการเคลื่อนไหวของค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) ประสิทธิภาพโดยรวมของบริษัท, รายละเอียดที่เปิดเผยในรายงานผลประกอบการของบริษัทรายไตรมาสถือเป็นมาตรวัดประสิทธิภาพหลัก ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกยังมีส่วนช่วยเช่นกัน เนื่องจากส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ระดับของอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังมีอิทธิพลต่อ DJIA เนื่องจากส่งผลต่อต้นทุนสินเชื่อ ซึ่งหลายๆ บริษัทต้องพึ่งพาอย่างมาก ดังนั้น อัตราเงินเฟ้ออาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญได้เช่นเดียวกับตัวชี้วัดอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
ทฤษฎีดาวเป็นวิธีการในการระบุแนวโน้มหลักของตลาดหุ้นที่พัฒนาโดย ชาร์ลส ดาว (Charles Dow) ขั้นตอนสำคัญคือการเปรียบเทียบทิศทางของค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) และ ค่าเฉลี่ยการขนส่งดาวโจนส์ (DJTA) และติดตามเฉพาะแนวโน้มที่ทั้งคู่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน ,uปริมาณเป็นเกณฑ์ยืนยัน ทฤษฎีนี้ใช้องค์ประกอบของการวิเคราะห์จุดสูงสุดและต่ำสุด ทฤษฎีของดาวโจนส์ (Dow) แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะสะสม เมื่อนักลงทุนเริ่มซื้อขายปลกเปลี่ยน ระยะการมีส่วนร่วมของประชาชน เมื่อประชาชนในวงกว้างเข้ามามีส่วนร่วมลงทุน และระยะกระจายตัวเมื่อเงินเงินของนักลงทุนออกจากตลาดไป
มีหลายวิธีในการลงทุนกับ DJIA หนึ่งคือการลงทุนผ่าน ETF ซึ่งอนุญาตให้นักลงทุนซื้อขาย DJIA เป็นหลักทรัพย์เดียว แทนที่จะต้องซื้อหุ้นในบริษัทที่เป็นส่วนประกอบทั้งหมด 30 แห่ง ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ กองทุน SPDR , ETF ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DIA) สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของ DJIA ช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรมูลค่าในอนาคตของดัชนีแลออปชัน แต่ไม่ใช่ข้อผูกมัดในการซื้อหรือขายดัชนีในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในอนาคต กองทุนรวมช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นในพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายของหุ้น DJIA ซึ่งทำให้เกิดโอกาสการลงทุนในดัชนี