ฟิวเจอร์ส Dow Jones ลดลง 28% เคลื่อนไหวรอบ 45,200 ในช่วงเวลายุโรปในวันอังคาร ก่อนเปิดตลาดปกติของสหรัฐฯ (US) นอกจากนี้ ฟิวเจอร์ส S&P 500 ลดลง 0.26% เคลื่อนไหวต่ำกว่า 6,450 และฟิวเจอร์ส Nasdaq 100 ลดลง 0.30% เคลื่อนไหวรอบ 23,400
ฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ ลดลงเมื่อความรู้สึกของตลาดเปลี่ยนเป็นระมัดระวังท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศปลดผู้ว่าการเฟด ลิซ่า คุก เนื่องจากข้อกล่าวหาเรื่องการฉ้อโกงจำนอง ประธานาธิบดีทรัมป์โพสต์จดหมายในโซเชียลมีเดียเมื่อเช้าวันอังคาร โดยกล่าวว่าเขากำลังปลดผู้ว่าการเฟด คุก ออกจากตำแหน่งในคณะกรรมการเฟด อย่างไรก็ตาม คุกกล่าวว่าเธอจะไม่ลาออกเนื่องจากไม่มีเหตุผลที่จะถูกไล่ออก เธอจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
การปลดผู้ว่าการเฟด ลิซ่า คุก อาจเพิ่มโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ เนื่องจากทรัมป์กดดันธนาคารกลางให้ลดต้นทุนการกู้ยืม นอกจากนี้ ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ กล่าวในงานประชุมแจ็คสัน โฮลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าความเสี่ยงต่อการจ้างงานกำลังเพิ่มขึ้น แต่ยังกล่าวว่าเงินเฟ้อยังคงเป็นภัยคุกคามและการตัดสินใจไม่ได้ถูกกำหนดไว้ตายตัว
เทรดเดอร์ยังคงระมัดระวังเมื่อทรัมป์เตือนว่าเขาอาจเรียกเก็บภาษี 200% กับสินค้าจีนหากปักกิ่งปฏิเสธที่จะจัดหามากเนตให้กับสหรัฐฯ (US) นอกจากนี้ เขายังขู่ว่าจะมี "ภาษีเพิ่มเติม" และการจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงและเซมิคอนดักเตอร์เพื่อตอบโต้ภาษีบริการดิจิทัลที่กระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีอเมริกัน
เทรดเดอร์น่าจะรอคอยรายงานผลประกอบการที่คาดหวังของ Nvidia ที่มีกำหนดในวันพุธ พร้อมกับการเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาสที่ 2 ของสหรัฐฯ และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดชื่นชอบ
ในเซสชันปกติครั้งก่อน ดัชนี Dow Jones Industrial Average ลดลง 0.77% ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.43% และดัชนี Nasdaq Composite ลดลง 0.22% สาขา S&P 500 จำนวน 9 จาก 11 สาขาปิดตลาดในแดนลบ นำโดยการขาดทุนในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค สุขภาพ และสาธารณูปโภค
ดาวโจนส์ (DJIA) คือมาตรวัดคาเฉลี่ยของบริษัทในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในดัชนีตลาดหุ้นที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดาวโจนส์รวบรวมจากหุ้นที่มีการซื้อขายมากที่สุด 30 อันดับในสหรัฐฯ และจะถ่วงน้ำหนักด้วยการเคลื่อนไหวของราคามากกว่าถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตามราคาตลาด คำนวณโดยการรวมราคาของหุ้นที่เป็นส่วนประกอบแล้วหารด้วยตัวคูณซึ่งปัจจุบันคือ 0.152 ดัชนีนี้ก่อตั้งโดย ชาร์ลส ดาว (Charles Dow) ผู้ก่อตั้ง วารสารวอลล์สตรีท (Wall Street Journal) ในช่วงหลายปีต่อมา มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าดาวโจนส์ไม่ได้เป็นตัวแทนของสินทรัพย์ในวงกว้างเพียงพอ เนื่องจากอ้างอิงการเคลื่อนของกลุ่มบริษัทเพียง 30 กลุ่มเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากดัชนีอ้างอิงข้อมูลจากบริษัทที่มีจำนวนมากกว่าอย่างเช่น S&P 500
ปัจจัยที่แตกต่างกันมากมายผลักดันการเคลื่อนไหวของค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) ประสิทธิภาพโดยรวมของบริษัท, รายละเอียดที่เปิดเผยในรายงานผลประกอบการของบริษัทรายไตรมาสถือเป็นมาตรวัดประสิทธิภาพหลัก ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกยังมีส่วนช่วยเช่นกัน เนื่องจากส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ระดับของอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังมีอิทธิพลต่อ DJIA เนื่องจากส่งผลต่อต้นทุนสินเชื่อ ซึ่งหลายๆ บริษัทต้องพึ่งพาอย่างมาก ดังนั้น อัตราเงินเฟ้ออาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญได้เช่นเดียวกับตัวชี้วัดอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
ทฤษฎีดาวเป็นวิธีการในการระบุแนวโน้มหลักของตลาดหุ้นที่พัฒนาโดย ชาร์ลส ดาว (Charles Dow) ขั้นตอนสำคัญคือการเปรียบเทียบทิศทางของค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) และ ค่าเฉลี่ยการขนส่งดาวโจนส์ (DJTA) และติดตามเฉพาะแนวโน้มที่ทั้งคู่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน ,uปริมาณเป็นเกณฑ์ยืนยัน ทฤษฎีนี้ใช้องค์ประกอบของการวิเคราะห์จุดสูงสุดและต่ำสุด ทฤษฎีของดาวโจนส์ (Dow) แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะสะสม เมื่อนักลงทุนเริ่มซื้อขายปลกเปลี่ยน ระยะการมีส่วนร่วมของประชาชน เมื่อประชาชนในวงกว้างเข้ามามีส่วนร่วมลงทุน และระยะกระจายตัวเมื่อเงินเงินของนักลงทุนออกจากตลาดไป
มีหลายวิธีในการลงทุนกับ DJIA หนึ่งคือการลงทุนผ่าน ETF ซึ่งอนุญาตให้นักลงทุนซื้อขาย DJIA เป็นหลักทรัพย์เดียว แทนที่จะต้องซื้อหุ้นในบริษัทที่เป็นส่วนประกอบทั้งหมด 30 แห่ง ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ กองทุน SPDR , ETF ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DIA) สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของ DJIA ช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรมูลค่าในอนาคตของดัชนีแลออปชัน แต่ไม่ใช่ข้อผูกมัดในการซื้อหรือขายดัชนีในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในอนาคต กองทุนรวมช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นในพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายของหุ้น DJIA ซึ่งทำให้เกิดโอกาสการลงทุนในดัชนี