TradingKey - ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาปรับตัวดีขึ้นในวันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม โดยมีแรงช้อนซื้อจากนักลงทุน หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเกิดเทขายอย่างหนัก ดัชนีหลักทั้งสาม ได้แก่ ดาวโจนส์, S&P 500 และแนสแดค ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงที่สุดตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม ท่ามกลางความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน
โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดเพิ่มขึ้น 585.06 จุด หรือคิดเป็นประมาณ 1.34% สู่ระดับ 44,173.64 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ขึ้นอีก 91.93 จุด หรือประมาณ 1.47% สู่ระดับ 6,329.94 จุด และดัชนีแนสแดคปิดเพิ่มถึง 403.45 จุด หรือร้อยละ 1.95 สู่ระดับ 21,053.58 จุด
การเทขายหุ้น ณ วันศุกร์ที่ผ่านมา เกิดจากรายงานตัวเลขการจ้างงานเดือนกรกฎาคมที่ออกมาอ่อนแอกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ไมค์ ดิกสัน หัวหน้าฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ของ Horizon Investments กล่าวว่า การฟื้นตัวซึ่งเกิดขึ้นในวันนี้เป็นผลจากแรงช้อนซื้อของนักลงทุน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงโอกาสในการเข้าตลาด โดยแม้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวยังทำให้เกิดความกังวลอยู่บ้าง แต่ก็มีสิ่งดีต่าง ๆ ที่ช่วยชดเชย เช่น การกลับมาของความคาดหวังเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ย
เครื่องมือ CME ของ Fedwatch บ่งชี้ว่าโอกาสในการที่จะได้เห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนอยู่ที่ประมาณร้อยละ84 ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการลดลงอย่างน้อยสองครั้งก่อนสิ้นปีนี้
พร้อมกันนี้ นักลงทุนยังจับตามองการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ปลดเอริกา แม็คเอนทาร์เฟอร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแรงงาน เนื่องจากข้อกล่าวหาเรื่องการปลอมแปลงข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งงาน นอกจากนี้ ยังมีข่าวลาออกอย่างกระทันหันของ อาเดรียนา คูเกลอร์ หนึ่งสมาชิกของเฟดที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในนโยบายได้
ในการค้าระหว่างประเทศ ทรัมป์ได้ประกาศว่าจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียเนื่องจากกรณีที่อินเดียซื้อน้ำมันรัสเซีย ซึ่งอินเดียตอบโต้ด้วยแนวทางเพื่อรักษาผลประโยชน์ สำหรับบริษัทใหญ่ ๆ การรายงานผลประกอบการไตรมาสสองกำลังจะสิ้นสุด แต่ยังเหลือบริษัทสำคัญ เช่น Walt Disney ที่จะต้องรอรายงานต่อไป
ส่วนราคาหุ้นนั้น หุ้น Tesla ปรับขึ้นถึง2.2% จากข่าวบริษัทอนุมัติให้อีลอน มัสก์ ซีอีโอ ได้รับมอบหุ้นจำนวน96ล้านหุ้น ขณะที่ Spotify ปรับราคาค่าสมาชิกแบบพรีเมียมสำหรับบางตลาด ทำให้ราคาหุ้นพุ่งขี้น5% ในด้านข่าวดีของ Joby Aviation รับข่าวเข้าไปซื้อกิจกรรมบริการเฮลิคอปเตอร์ส่งผลให้ราคาหุ้นนั้นทะยานสูงกว่า18%
ขณะเดียวกัน หุ้น Class A ของ Berkshire Hathaway ก็ลดลง2.7% เนื่องจากนักลงทุนตรวจสอบผลกระทบทางเศรษฐกิจและตัดจำหน่ายเงินทุนประมาณ3,800ล้านเหรียญ ในสินทรัพย์Kraft Heinz รวมถึงกำไรธุรกิจต่ำลงในไตรมาสล่าสุด