tradingkey.logo

ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดิ่งเกือบ 500 จุด วิตกภาษีใหม่จากทรัมป์กระทบเศรษฐกิจโลก

TradingKey
ผู้เขียนYulia Zeng
1 ส.ค. 2025 เวลา 16:19
  • ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดิ่งลงเกือบ 500 จุด หลังทรัมป์ประกาศอัตราภาษีนำเข้าใหม่ต่อประเทศคู่ค้า ก่อให้เกิดความวิตกในเศรษฐกิจโลก
  • ทำเนียบขาวชี้ว่าภาษีศุลกากรใหม่จะสูงถึง 41% และมีผลกระทบต่อสินค้าที่ถูกขนส่งจากประเทศที่สาม
  • นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 106,000 ตำแหน่ง

TradingKey - ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีแนวโน้มลดลงอย่างรุนแรง โดยมีการตกลงเกือบ 500 จุด หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศอัตราภาษีศุลกากรใหม่ที่มีผลกระทบต่อประเทศคู่ค้า ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเกิดความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ณ เวลาประมาณ 18.12 น. ตามเวลาประเทศไทย ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลดลง 490 จุด หรือประมาณ 1.10% สู่ระดับ 43,815 จุด

ทำเนียบขาวระบุว่า ทรัมป์ได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าที่ปรับปรุงใหม่ โดยตั้งอยู่ที่ระดับตั้งแต่10% ถึง41% ต่อประเทศคู่ค้าในตลาดโลก นอกจากนี้ สินค้าที่ถูกส่งมาจากประเทศที่สาม หรือผลิตภัณฑ์ที่หลบเลี่ยงภาษีนั้น จะได้รับการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมอีก 40%

อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่นักลงทุนคาดว่าจะปรับลดก็ต่ำกว่าที่คิดไว้ โดยตอนนี้นักลงทุนเข้าสังเกตเห็นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียว ในปีนี้ จากข้อมูลที่เผยแพร่เกี่ยวกับดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่สูง ไม่ตรงตามคาดการ

ด้วยเหตุนี้ นักวิเคราะห์จึงเริ่มเลื่อนการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกไปเป็นเดือนตุลาคม แทนที่จะเป็นเดือนกันยายน อีกทั้ง ทรัมป์ยังโพสต์บน Truth Social แสดงความไม่พอใจต่อนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ว่ายังไม่รายงานเพื่อให้เกิดการลดอัตราอย่างมาก

“เจอโรม ‘นายสายเกินไป’ พาวเวล เป็นคนโง่ดื้อรั้น จะต้องลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมาก เดี๋ยวนี้!” คือข้อความบางส่วนจากโพสต์ของทรัมป์ใน Truth Social

นักลงทุนต่างจับตามองตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง106,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม หลังจากมีจำนวนเพิ่มขึ้น147,000 ตำแหน่งในเดือนก่อนหน้า ในขณะที่อัตราว่างงานยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเป็น4.2% จาก4.1% ในเดือนมิถุนาย

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลที่ให้ไว้บนเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน

บทความที่เกี่ยวข้อง

KeyAI