tradingkey.logo

แนวโน้ม NIM แบงก์ไทยชะลอต่อเนื่อง หลังดอกเบี้ยขาลงเพื่อพยุงเศรษฐกิจ

TradingKey
ผู้เขียนYulia Zeng
16 พ.ค. 2025 เวลา 5:42
  • การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายโดย กนง. ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ในกลุ่ม D-SIBs ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ MRR, MLR และ MOR ลง 0.05-0.15%
  • คาดว่า NIM ของระบบแบงก์ไทยจะลดลงต่อเนื่อง สู่ระดับ 2.83% ในไตรมาส 2/2568 จาก 2.92% ในไตรมาสแรก
  • ผลดีของการลดดอกเบี้ยจะตกอยู่ที่ลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อบ้านโดยเฉพาะ

TradingKey - หลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อปลายเดือนเม.ย. ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ในกลุ่ม D-SIBs เริ่มทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR, MLR และ MOR ลงอยู่ในกรอบระหว่าง 0.05% ถึง 0.15% พร้อมกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำบางตัวในเวลาไล่เลี่ยกัน

จากข้อมูลที่ผ่านมา พบว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ กนง. ที่เกิดขึ้นในสามรอบล่าสุดตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา จนถึงเดือนเมษายน มีผลสะท้อนมายังส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM: Net Interest Margin) ในระบบธนาคารพาณิชย์ เพราะต้นทุนการระดมเงินฝากลดลงอย่างไรก็ตาม ยังคงมีแรงกดดันจากผลตอบแทนในการปล่อยสินเชื่อลดลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอในการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ NIM ที่ชะลอลงตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2567 ยังแสดงให้เห็นว่าต้นทุนเงินฝากขยับลงอย่างช้า ๆ ตรงกันข้ามกับผลตอบแทนจากการปล่อยสินเชื่อที่ทำให้ผู้ประกอบการต้องเฝ้าระวัง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า NIM ของระบบแบงก์ไทย จะมีแนวโน้มชะลอลงต่อเนื่องในไตรมาสที่สองมาอยู่ที่ระดับประมาณ 2.83% ในขณะที่มีโอกาสที่จะลดต่ำไปจนถึงประมาณ 2.75% ตามสมมติฐานที่ว่า อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งเพื่อสนับสนุนแนวโน้มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

แม้ธนาคารพาณิชย์จะเร่งปรับต้นทุนและค่าใช้จ่าย เพื่อตอบรับกับสถานการณ์ แต่ด้วยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังส่งผลกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อ ทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงเกี่ยวกับหนี้ด้อยคุณภาพยังคงมีอยู่

สำหรับลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อบ้าน จะได้รับประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ล่าสุด โดยศูนย์วิจัยฯ คาดว่าจะเป็นส่วนสำคัญจำนวนประมาณ 56.6% ของสินเชื่อรวมทั้งระบบธนาคาร

สุดท้าย ผู้ประกอบธุรกิจและลูกหนี้รายย่อยจะเห็นช่องทางในการช่วยบรรเทาภาระดอกเบี้ยสอดคล้องด้วยภาระรวมระหว่าง4,400 ถึง4,900 ล้านบาท ภายใต้สมมุติสถานการณ์ต้นทุนที่ถูกกว่า ณ เวลาราวระหว่างช่วงเดือนพฤษภาคมถึงธันวาคมปีนี้

ตรวจสอบโดยYulia Zeng
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลที่ให้ไว้บนเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน

บทความที่เกี่ยวข้อง

KeyAI