TradingKey - ราคา "บิตคอยน์" ทำสถิติสูงสุดใหม่ตลอดกาลที่ระดับ 112,000 ดอลลาร์ หลังจากปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน โดยราคาก่อนหน้านี้อยู่ที่ราว 98,000 ดอลลาร์ แสดงถึงความต้องการที่แข็งแกร่งจากนักลงทุนในภาคธุรกิจขนาดใหญ่ที่เริ่มสะสมบิตคอยน์ในงบดุลของตนเอง
ในวันเดียวกับที่บิตคอยน์ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่นี้ ETF บิตคอยน์ของ BlackRock ชื่อ “iShares Bitcoin Trust (IBIT)” ก็มีราคาแตะจุดสูงสุดใหม่เช่นกันที่ 63.58 ดอลลาร์ โดยปัจจุบัน IBIT ถือครองบิตคอยน์มากกว่า 700,000 BTC คิดเป็นประมาณ 3.33% ของอุปทานทั้งหมดทั่วโลก สิ่งนี้ทำให้ IBIT กลายเป็น ETF ที่สร้างรายได้ค่าธรรมเนียมรายปีมากที่สุดของ BlackRock และสามารถแซงหน้า ETF ดัชนี S&P 500 (IVV) เป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ ตั้งแต่เปิดตัวเพียง 18 เดือน กองทุน IBIT มีมูลค่าทะลุ 75,000 ล้านดอลลาร์ และสร้างรายได้ประมาณปีละ 187.2 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ประเทศเอลซัลวาดอร์ซึ่งได้มีการสะสมบิตคอยน์แบบ DCA มาต่อเนื่องปัจจุบันถือครองประมาณ 6,232 BTC พร้อมกำไรที่ยังไม่ขายถึง 400 ล้านดอลลาร์
ด้านบริษัทเอกชนก็มีการเข้าซื้อบิตคอยน์ไม่แพ้กัน เช่น The Smarter Web Company จากอังกฤษ ได้เพิ่มการถือครองเป็นจำนวนถึง 1,000 BTC ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ เริ่มแปลงเงินสดในงบดุลมาเก็บไว้ในรูปบิตคอยน์ โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนใน Nasdaq
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนก่อน Michael Saylor ประธานบริษัท Strategy ได้กล่าวในการสัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า “ฤดูหนาวของคริปโทเคอเรนซีจะไม่กลับมาอีก บิตคอยน์ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาแล้ว หากมันไม่ได้ลดลงไปถึงศูนย์ มันก็จะมีโอกาสขึ้นไปแตะระดับ $1 ล้าน..."
เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้แสดงความจริงจังเกี่ยวกับเรื่องนี้ รัฐบาลและรัฐมนตรีสนับสนุนเต็มที่ รวมทั้ง Scott Bessent กับ Paul Atkins ก็ได้แสดงจุดยืนชัดเจนในการเชื่อมั่นในบิตคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเชื่อว่าบิตคอยน์ผ่านช่วงเสี่ยงที่สุดไปแล้ว