Delta Air Lines (NYSE: DAL) เตรียมประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2025 ในวันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม 2025 ก่อนตลาดหุ้นเปิดทำการ โดยจะมีการถ่ายทอดสดและประชุมผ่านสายโทรศัพท์เพื่อสรุปผลประกอบการทางการเงินและการดำเนินงาน
สิ่งที่นักลงทุนควรจับตามอง
ผลประกอบการไตรมาส 2 ของเดลต้า ขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างรายได้จากบริการที่มีมาร์จิ้นสูง และควบคุมต้นทุนท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน โดยรายได้ประมาณ 60% มาจากที่นั่งชั้นพรีเมียมและเส้นทางบินระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคแปซิฟิกและลาตินอเมริกา ซึ่งช่วยชดเชยอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอและรักษาความสามารถในการทำกำไร
การตัดสินใจคงกำลังการผลิตไว้ในช่วงปลายปี 2025 สะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับราคาตั๋วที่สูงและมาร์จิ้นที่ดีกว่าการเติบโตของปริมาณผู้โดยสาร ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดในภาวะเศรษฐกิจผันผวน การควบคุมต้นทุน โดยเฉพาะต้นทุนน้ำมันและแรงงาน ผ่านการทำเฮดจิ้งและเพิ่มประสิทธิภาพ จะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษากำไร
การเพิ่มเงินปันผลขึ้น 25% เป็น 0.1875 ดอลลาร์ต่อหุ้น แสดงให้เห็นถึงกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง ความคืบหน้าในการลดหนี้และสร้างกระแสเงินสดจะช่วยสนับสนุนการจ่ายเงินปันผลในอนาคต การแถลงแนวโน้มด้านการจองตั๋ว การตั้งราคาบริการ และความต้องการเดินทางของผู้บริหารจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและราคาหุ้น
การมุ่งเน้นที่กลุ่มลูกค้าพรีเมียม การบริหารจัดการกำลังการผลิตอย่างมีวินัย และการควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวด ทำให้เดลต้ามีความยืดหยุ่นสูง ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2025 คาดว่าจะยืนยันถึงความสามารถในการเติบโตอย่างมีกำไร พร้อมกับการส่งมอบคุณค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นในสภาวะตลาดที่ท้าทาย
Delta Air Lines (NYSE: DAL) ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ปีงบประมาณ 2025 ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2025 ซึ่งผลลัพธ์ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเกือบ 12%
(ดูภาพสรุป)ที่มา: TradingKey
เดลต้าจะคงกำลังการผลิตไว้จนถึงปลายปี 2025 เพื่อรักษาเสถียรภาพของมาร์จิ้นมากกว่าการขยายปริมาณผู้โดยสาร ความร่วมมือกับ American Express สร้างรายได้ $2 พันล้าน ในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน และคาดว่าจะสร้างได้ถึง $8 พันล้าน ในปี 2025
ด้านการดำเนินงานยังคงมีเสถียรภาพจากการลงทุนในระบบ AI สำหรับการตั้งราคา และบริการผู้ช่วยเสมือน Delta Concierge ที่กำลังจะเปิดตัว ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ของลูกค้า การขยายเส้นทางระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในแปซิฟิกและลาตินอเมริกา ถือเป็นโอกาสเติบโตสำคัญ เสริมด้วยการถือหุ้นใน WestJet และ IndiGo
ฝ่ายบริหารยืนยันความมุ่งมั่นในการควบคุมต้นทุน และใช้กลยุทธ์เฮดจิ้งน้ำมันอย่างเข้มงวดเพื่อลดความผันผวน นอกจากนี้ยังแสดงความเชื่อมั่นในความต้องการเดินทางแบบพรีเมียมที่ยังคงแข็งแกร่ง แม้เศรษฐกิจสหรัฐยังมีความไม่แน่นอน แต่เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว โดยได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าในการผ่านร่างกฎหมายภาษีฉบับใหญ่ “One Big Beautiful Bill” และนโยบายการค้าฉบับใหม่
ผลประกอบการไตรมาส 2 ที่แข็งแกร่งของเดลต้า พร้อมการปรับเพิ่มแนวโน้มสะท้อนถึงความสามารถในการดำเนินกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และความแข็งแกร่งของรายได้จากกลุ่มพรีเมียม แม้ความต้องการเดินทางในที่นั่งชั้นประหยัดยังอ่อนตัวในช่วงนอกฤดูกาล แต่การกระจายรายได้ที่หลากหลายและกลยุทธ์ที่มีวินัยสูงทำให้หุ้นเดลต้าอยู่ในสถานะที่ดีต่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาบริษัทการบินที่บริหารการเงินอย่างเข้มงวด และเน้นกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม