หุ้นเอเชียได้รับผลกระทบจากภาษีรถยนต์ของทรัมป์ หุ้นจีนมั่นคง

Investing.com- หุ้นเอเชียส่วนใหญ่ร่วงลงในวันพฤหัสบดีหลังจากการประกาศภาษีรถยนต์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับวาระการค้าของเขา

หุ้นเทคโนโลยีและการผลิตชิปรายใหญ่ก็ร่วงลงควบคู่ไปกับคู่แข่งในสหรัฐฯ เนื่องจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับอุปทานล้นตลาดที่อาจเกิดขึ้นในศูนย์ข้อมูลและอุปทานคอมพิวเตอร์สําหรับอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์

หุ้นญี่ปุ่นได้รับผลกระทบมากที่สุดในเอเชีย เนื่องจาก Nikkei มีผู้ผลิตรถยนต์และเทคโนโลยีเข้มข้นสูง ในขณะที่ตลาดจีนทรงตัว

หุ้นฮ่องกงแข็งค่าขึ้นจากความแข็งแกร่งของแบรนด์เทคโนโลยีในท้องถิ่น ซึ่งขาดการเชื่อมต่อจากคู่แข่งในสหรัฐฯ และทั่วโลกมากขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ท่ามกลางการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับโอกาสด้าน AI ของจีนและการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากรัฐบาลปักกิ่ง

ตลาดภูมิภาคในวงกว้างติดตามความอ่อนแอในชั่วข้ามคืนในสหรัฐฯ เนื่องจากวอลล์สตรีทร่วงลงจากภัยคุกคามภาษีของทรัมป์ ภาษีรถยนต์ 25% ของเขาจะมีผลตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ คาดว่าจะประกาศภาษีอื่นๆ ในวันนั้น

ฟิวเจอร์สดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงเล็กน้อยในการซื้อขายในเอเชีย

หุ้นญี่ปุ่นและเกาหลีร่วงลงมากที่สุดจากการขาดทุนด้านรถยนต์และเทคโนโลยี

ของญี่ปุ่นดัชนี Nikkei 225 มีผลการดําเนินงานแย่ที่สุดในวันพฤหัสบดี โดยลดลง 1.1% ในขณะที่ KOSPI ลดลง 1%

ทั้งสองเป็นหุ้นที่ทําผลงานได้แย่ที่สุดในเอเชีย เนื่องจากมีความเสี่ยงอย่างมากต่อการผลิตรถยนต์และหุ้นเทคโนโลยี ญี่ปุ่น ดัชนี TOPIX ลดลง 0.7%

ในบรรดาผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในเอเชีย ได้แก่ Honda ของญี่ปุ่น (NYSE:HMC) Motor (TYO:7267), Nissan Motor Co., Ltd. (TYO:7201) และ Toyota Motor Corp (H:7203) ร่วงลงระหว่าง 2.6% ถึง 3.1% ฮุนไดของเกาหลีใต้ (OTC:HYMTF) Motor (KS:005380) ร่วงลง 3.8% แม้ว่าจะเพิ่งให้คํามั่นสัญญา 21 พันล้านดอลลาร์เพื่อขยายการดําเนินงานในสหรัฐฯ ซึ่งอาจช่วยป้องกันภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ

ความคิดเห็นเกี่ยวกับภาษีรถยนต์ของทรัมป์จุดประกายความกังวลครั้งใหม่เกี่ยวกับผลกระทบของวาระการค้าและเศรษฐกิจของเขา คาดว่าวันที่ 2 เมษายนจะให้ความชัดเจนมากขึ้นในด้านนี้ โดยทรัมป์จะเปิดเผยภาษีซึ่งกันและกันกับคู่ค้ารายใหญ่ของอเมริกาในสัปดาห์หน้า

เทคโนโลยีและผู้ผลิตชิปสั่นสะเทือนกับคําถามเกี่ยวกับศูนย์ข้อมูล AI

หุ้นเทคโนโลยีและการผลิตชิปในเอเชียร่วงลงในวันพฤหัสบดี โดยขาดทุนกระจุกตัวอยู่กับกลุ่มที่มีความเสี่ยงอย่างมากในอุตสาหกรรม AI ของสหรัฐฯ สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐฯ จมลงในชั่วข้ามคืน ท่ามกลางข้อสงสัยที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และอุปทานล้นตลาดของโครงสร้างพื้นฐานข้อมูล

NVIDIA Corporation (NASDAQ:{{6497|ซัพพลายเออร์ TSMC (TW:2330) และ Hon Hai Precision Industry Co Ltd (TW:2317) ลดลง 1.8% และ 2.4% ในการค้าไทเป ในขณะที่ Advantest Corp. ของญี่ปุ่น (TYO:6857) ร่วงลงเกือบ 7% SK Hynix Inc ของเกาหลีใต้ (KS:000660) ร่วงลงประมาณ 2%

การขาดทุนในหุ้นเทคโนโลยีเกิดขึ้นควบคู่ไปกับคู่แข่งในสหรัฐฯ หลังจากที่ TD Cowen กล่าวว่านักลงทุนด้าน AI รายใหญ่ Microsoft Corporation (NASDAQ:MSFT) ได้ยกเลิกการเช่าศูนย์ข้อมูลหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งทําให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอุปทานล้นตลาดในภาคคอมพิวเตอร์ AI สถานการณ์ดังกล่าวอาจลดความต้องการสําหรับผู้ผลิตชิปและเซิร์ฟเวอร์รายใหญ่ โดย Nvidia ลดลงเกือบ 6% ในแนวคิดนี้ในวันพุธ

หุ้นจีนทรงตัว ฮ่องกงปรับตัว

ตลาดจีนเป็นตลาดที่ผิดปกติ โดยมีแผ่นดินใหญ่ เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น CSI 300 และ ดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้นเล็กน้อย {{179|ดัชนีฮั่งเส็งเพิ่มขึ้น 0.3% โดยหุ้นเทคโนโลยีในท้องถิ่นดูเหมือนจะได้รับการปกป้องจากอุปสรรคที่คู่แข่งในสหรัฐฯ เผชิญมากขึ้น

การมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับความสามารถด้าน AI ของจีนเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้หลังจากการอัปเดตโมเดล AI ใหม่จาก DeepSeek รวมถึงยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Tencent และ Baidu (NASDAQ:BIDU)

ตลาดยังจับตาดูสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากปักกิ่ง รวมถึงข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อที่สําคัญที่จะออกอากาศในสัปดาห์หน้า

ตลาดเอเชียอื่น ๆ ส่วนใหญ่เป็นลบ ของออสเตรเลียดัชนี ASX 200 ลดลง 0.5% จากโอกาสที่ทรัมป์จะเรียกเก็บภาษีสินค้าโภคภัณฑ์ โฟกัสยังอยู่ที่การประชุมธนาคารกลางออสเตรเลียในสัปดาห์หน้า

ดัชนี Straits Times เพิ่มขึ้น 0.5% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากความเกลียดชังต่อเทคโนโลยีและยานยนต์ผลักดันให้นักลงทุนหันไปสู่ภาคส่วนที่ปลอดภัยกว่า เช่น การเงิน ซึ่งประกอบด้วยดัชนี Straits Times จํานวนมาก

ฟิวเจอร์ส สําหรับ ดัชนี Nifty 50 ชี้ไปที่การเปิดทรงตัวหลังจากการดีดตัวขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ของหุ้นอินเดียแห้งแล้ง

บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน