tradingkey.logo

หุ้น Tesla ซื้อได้หรือยัง?

TradingKey
ผู้เขียนHuanyao Fang
5 พ.ย. 2025 เวลา 7:19

Tesla คืออะไร?

TradingKey - ชื่อของ “Tesla” ได้แรงบันดาลใจมาจาก “นิโคลา เทสลา” นักประดิษฐ์ชาวเซอร์เบีย-อเมริกัน ผู้บุกเบิกกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) บริษัท Tesla ก่อตั้งขึ้นในปี 2003 โดย Marc Tarpenning และ Martin Eberhard ถือเป็นบริษัทแห่งแรกในซิลิคอนวัลเลย์ที่มุ่งเน้นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม

ในปี 2004 Elon Musk ได้ลงทุน 7.5 ล้านดอลลาร์ใน Tesla กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และประธานกรรมการบริษัท

Tesla เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น NASDAQ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2010 โดยมีผู้รับประกันการจำหน่ายหุ้น ได้แก่ Goldman Sachs, Morgan Stanley, JPMorgan Chase และ Deutsche Bank สามารถระดมทุนได้ 226 ล้านดอลลาร์ใน IPO ครั้งนั้น และภายในปี 2013 มูลค่าตลาดของ Tesla ก็ทะลุ 10,000 ล้านดอลลาร์

ปัจจุบัน Tesla มีมูลค่าตลาดราว 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ บนตลาด Nasdaq บริษัทได้เปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้ผลิตรถสปอร์ตไฟฟ้าหรู” ไปสู่ “บริษัทเทคโนโลยีพลังงานและยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับโลก”

กลยุทธ์หลักของบริษัทก็เปลี่ยนไปจาก “พิสูจน์ว่ารถยนต์ไฟฟ้าใช้ได้จริง” สู่ “สร้างระบบนิเวศด้านพลังงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI และระบบอัตโนมัติ”

โครงสร้างธุรกิจของ Tesla แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก:

  1. Automotive (ธุรกิจยานยนต์)
  2. Energy Generation and Storage (การผลิตและกักเก็บพลังงาน)
  3. Services and Other (บริการอื่น ๆ)

How Has Tesla’s Stock Performed?

ในวัน IPO (29 มิถุนายน 2010) ราคาหุ้น Tesla พุ่งขึ้น 40.53% ปิดที่ 23.89 ดอลลาร์ แสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นของนักลงทุน แม้ในเวลานั้นบริษัทจะยังขาดทุนอยู่ รถรุ่นแรก “Roadster” ขายในราคา 100,000 ดอลลาร์ แต่ต้นทุนผลิตอยู่ที่ 120,000 ดอลลาร์

ถึงแม้จะขาดทุนต่อเนื่อง ตลาดยังคงเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของ Tesla โดยระหว่างปี 2010–2013 ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพระยะยาว

วันที่ 22 มิถุนายน 2012 Tesla ส่งมอบ “Model S” คันแรกจากโรงงาน Fremont โดยมีผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย Jerry Brown ร่วมในงาน พร้อมกล่าวว่า Tesla คือความภาคภูมิใจของรัฐ

ผลลัพธ์ก็เป็นจริง — ในไตรมาส 1 ปี 2013 Tesla ประกาศ กำไรไตรมาสแรกในประวัติศาสตร์ จากยอดขาย Model S ที่เหนือคาด ทำให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นกว่า 24.4% ในวันเดียว

จากนั้น หุ้น Tesla ก็ไต่ระดับต่อเนื่อง โดยในปี 2020 เข้าสู่ช่วงกระทิงเต็มตัว แม้จะแบ่งพาร์หุ้น 5 ต่อ 1 แต่ราคาก็ยังพุ่งขึ้นกว่า 700% ภายในปีเดียว

ในช่วงปี 2022 หุ้นร่วงลงถึง 75% เนื่องจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) การเข้าซื้อกิจการ Twitter ของ Elon Musk (ซึ่งเขาต้องขายหุ้น Tesla เพื่อระดมเงิน) และกลยุทธ์ลดกำไรต่อคันเพื่อเพิ่มยอดขาย

ถึงอย่างนั้น มูลค่าตลาดของ Tesla ยังคงเหนือกว่าคู่แข่งมหาศาล โดยช่วงหนึ่งเคยมีมูลค่าถึง 380 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ Toyota อยู่ที่ราว 190 พันล้าน และ GM เพียง 48 พันล้านดอลลาร์

หมายเหตุ: ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐโดยรวมอ่อนตัวจากการขึ้นดอกเบี้ย

ระหว่างปลายปี 2024 ถึงเมษายน 2025 หุ้น Tesla ร่วงลงกว่า 50% หลัง Elon Musk เข้ารับตำแหน่งในหน่วยงาน DOGE (Department of Government Efficiency) ของรัฐบาล ซึ่งสร้างความกังวลเรื่อง “ความโฟกัส” ของเขาต่อ Tesla และนำไปสู่การเทขายครั้งใหญ่

หลังลาออกจาก DOGE หุ้นยังคงผันผวนจากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่าง Musk และประธานาธิบดี Trump รวมถึงความไม่แน่นอนด้านภาษีการค้าและยอดขายรถที่อ่อนแรง แต่โดยรวมแล้วยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น

Tesla-market-capitalization

ที่มา: TradingKey

หุ้น Tesla ยังน่าซื้ออยู่หรือไม่?

TradingKey เชื่อว่า “ใช่” หุ้น Tesla ยังคงมีมูลค่าการลงทุนที่น่าสนใจ ด้วยเหตุผลต่อไปนี้:

1. Elon Musk ถอยออกจากการเมือง

ช่วงที่ Musk มีบทบาททางการเมือง ส่งผลให้หลายประเทศเกิดกระแสต่อต้าน Tesla และยอดขายลดล อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าปัจจัยด้านอารมณ์ของผู้บริโภคนี้จะค่อย ๆ จางหายไป ส่งผลให้ยอดขายกลับมาเติบโตอีกครั้ง ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มในรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2025

Tesla-earning-report

Tesla-sales

หมายเหตุ: ข้อมูลยอดส่งมอบในยุโรป (เฉพาะรถยนต์น้ำหนักเบา) ยังไม่เปิดเผย ณ วันที่ 22 ตุลาคม 2025

2. กลยุทธ์การขยายตลาดท้องถิ่น

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม Tesla เปิดตัว Model YL (รุ่นฐานล้อยาวของ Model Y) ในจีน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวชาวจีน

การเปิดตัวนี้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ เช่น โครงการแลกเปลี่ยนรถเก่า-ใหม่ และเงินอุดหนุนการซื้อรถไฟฟ้า

ยอดขาย Model YL ที่แข็งแกร่งแสดงให้เห็นถึงดีมานด์มหาศาลในตลาด SUV ขนาดใหญ่ 6 ที่นั่ง แม้ต้องแข่งกับ BYD และ NIO แต่ Tesla ก็สามารถสร้างแนวทางการเติบโตใหม่ได้สำเร็จ

ขณะเดียวกัน Tesla ยังทำยอดขายทำลายสถิติใน เกาหลีใต้ ไต้หวัน ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ และเริ่มส่งมอบ Model Y ในอินเดียแล้ว

นอกจากนี้ Tesla ได้เปิดใช้ระบบ Full Self-Driving (FSD) ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และเตรียมขยายการใช้งานในจีน (รออนุมัติจากภาครัฐ)

3. ธุรกิจพลังงานเติบโตอย่างรุนแรง

ส่วนธุรกิจพลังงานของ Tesla ช่วยลดความกังวลของนักลงทุนต่อยอดขายรถที่ชะลอตัว

จากการผลิตที่ต่อเนื่องของโรงงานเซี่ยงไฮ้ และยอดติดตั้ง Powerwall ที่ทำสถิติสูงสุด ทำให้ Tesla มีกำไรขั้นต้นจากธุรกิจพลังงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1.1 พันล้านดอลลาร์

Tesla-Energy-Storage

Tesla-earnings-report

[ที่มา: Tesla Q3 Financial Report]

ในไตรมาส 3 ปี 2025 รายได้จากพลังงานเติบโต 24.6% เมื่อเทียบไตรมาสก่อน และมีกำไรเพิ่มขึ้นทั้งจากส่วนพลังงานและบริการ

ความต้องการพลังงานสำรองสำหรับศูนย์ข้อมูล AI ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทำให้ระบบกักเก็บพลังงานของ Tesla กลายเป็นหัวใจสำคัญของระบบไฟฟ้าสำรองและการปรับโหลด (load balancing) เราคาดว่าธุรกิจนี้จะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว

นักวิเคราะห์ Jed Dorsheimer จาก William Blair เคยกล่าวในปี 2024 ว่า “การเติบโตของธุรกิจพลังงานของ Tesla มีศักยภาพที่จะกลายเป็นระบบนิเวศคล้าย Apple ได้ในอนาคต”

4. Elon Musk ซื้อหุ้นครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต

จากเอกสาร SEC filing ที่เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ Musk ได้ซื้อหุ้น Tesla (TSLA.US) ประมาณ 2.57 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 12–13 กันยายน 2025 ในช่วงราคาหุ้น 371–396 ดอลลาร์ รวมเป็นมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ — ถือเป็นการซื้อหุ้นส่วนตัวครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา

Dan Ives นักวิเคราะห์เทคโนโลยีจาก Wedbush Securities กล่าวว่า

“ตลาดมองว่า สินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดของ Tesla คือ Elon Musk เอง”

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ บุคลิกและอิทธิพลของ Musk คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญของ Tesla ทั้งในด้านภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของนักลงทุน

5. สัญญาณ Technical Breakout

Tesla-daily-chart

ที่มา: TradingView

หลังจาก Musk เข้าซื้อหุ้นเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2025 ราคาหุ้น Tesla ทะลุแนวต้านสำคัญของรูปแบบ Ascending Triangle และยังคงเดินหน้าขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนและแรงซื้อที่แข็งแกร่ง

ปัจจัยล่าสุดที่อาจกระทบราคาหุ้น Tesla

ไม่นานมานี้ Robyn Denholm ประธานคณะกรรมการบริหารของ Tesla กล่าวว่า หากผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติแผนค่าตอบแทนของ Elon Musk และเขาตัดสินใจลาออก บริษัทมีแผนเตรียมแต่งตั้ง CEO คนใหม่จากภายใน

Denholm ยืนยันว่าเธอได้พูดคุยกับ Musk แล้ว และหากแผนค่าตอบแทนไม่ผ่าน เขาอาจถอนตัวหรือมีบทบาทน้อยลงใน Tesla

Dan Ives ให้ความเห็นว่า Musk คือทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของบริษัท ดังนั้น นักลงทุนควรรอดูท่าทีที่ชัดเจนก่อนตัดสินใจลงทุน เพราะหาก Musk ลาออก อาจเกิดแรงเทขายครั้งใหญ่และทำให้ตลาดผันผวนรุนแรง

บทสรุป

ด้วยความต้องการพลังงานมหาศาลจากอุตสาหกรรม AI ทำให้ธุรกิจพลังงานของ Tesla มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เมื่อรวมกับยอดขายที่เริ่มฟื้นตัวในอเมริกาและการขยายตัวในเอเชีย Tesla ยังมีโอกาสรักษาความเป็นผู้นำในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างมั่นคง

ดังนั้น TradingKey มองว่า “ตอนนี้ยังคงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการซื้อหุ้น Tesla”

ลิงค์เดิม

เนื้อหานี้แปลโดย AI ซึ่งอาจมีข้อผิดพลาดจากข้อจำกัดทางเทคโนโลยีและภาษา จึงไม่สามารถรับประกันความถูกต้อง และความสมบูรณ์ของเนื้อหาได้ทั้งหมด ในการนำข้อมูลไปใช้ โปรดอ้างอิงจากต้นฉบับ และใช้วิจารณญาณประกอบการตัดสินใจ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือความเข้าใจผิดใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้เนื้อหาดังกล่าว

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: เนื้อหาของบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น และไม่ได้สะท้อนท่าทีอย่างเป็นทางการของ Tradingkey ไม่ควรถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น และผู้อ่านไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยอิงจากเนื้อหาของบทความนี้เท่านั้น Tradingkey ไม่รับผิดชอบต่อผลการเทรดใด ๆ ที่เกิดจากการพึ่งพาบทความนี้ นอกจากนี้ Tradingkey ไม่สามารถรับประกันความถูกต้องของเนื้อหาบทความ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนใดๆ ขอแนะนำให้ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้

บทความแนะนำ

KeyAI