TradingKey - ตามข้อมูลของ Bloomberg ปัจจุบันมีอย่างน้อย 5 บริษัทที่อยู่ระหว่างการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นในตลาดทุนสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์ถัดไปซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน โดยคาดว่ามูลค่ารวมของการระดมทุนจะเกิน 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้สัปดาห์หน้ากลายเป็นสัปดาห์ที่คึกคักที่สุดของ IPO หุ้นสหรัฐฯ ในปี 2025 นักลงทุนจับตาดูหุ้น IPO วันแรกของ Klarna (บริการ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง”), Gemini (ตลาดซื้อขายคริปโต) และ Figure (ฟินเทคบล็อกเชน) อย่างใกล้ชิด
ในเชิงฤดูกาล เดือนกันยายนมักจะเป็นเดือนที่ตลาดทุนทั่วโลกซบเซา ทั้งหุ้นสหรัฐฯ และพันธบัตรโลกต่างเผชิญแรงขายขนาดใหญ่หลังวันหยุดยาวในสหรัฐฯ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม จากกระแสความนิยมของ IPO บริษัท Circle, CoreWeave และ Figma ที่เพิ่งเกิดขึ้นในปีนี้ ได้ก่อให้เกิด “กระแสการแห่ซื้อ IPO” ประกอบกับบริษัทที่เตรียมเข้าตลาดในสัปดาห์หน้าเกี่ยวข้องกับธีมคริปโตและฟินเทคที่ได้รับความสนใจสูง นักลงทุนจึงคาดหวังที่จะค้นหาหุ้น IPO ดาวรุ่งตัวถัดไป
ยิ่งไปกว่านั้น เดือนกันยายนยังถือเป็น “หน้าต่างทอง” ของการทำ IPO เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้าสู่ตลาดหลังวันหยุดยาวช่วงฤดูร้อน และบริษัทต่างๆ ก็พยายามเร่งการเข้าตลาดก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงเทศกาลในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม
ตามข้อมูล Bloomberg หาก 5 บริษัทที่อยู่ระหว่างการกำหนดราคา IPO สามารถขายหุ้นได้ที่ระดับราคาสูงสุดที่ประกาศไว้ และระดมทุนรวมเกิน 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจริง สัปดาห์หน้าจะกลายเป็นสัปดาห์ที่มีมูลค่าการซื้อขาย IPO สูงที่สุดของปีนี้ในสหรัฐฯ
จนถึงปัจจุบัน สัปดาห์ที่มี IPO ใหญ่ที่สุดคือสัปดาห์วันที่ 21 กรกฎาคม โดย NIQ Global Intelligence นำเสนอ IPO มูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ รองลงมาคือสัปดาห์วันที่ 10 กุมภาพันธ์ IPO ของ SailPoint มูลค่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ และในปลายเดือนกรกฎาคม IPO ของ Figma ที่มีมูลค่า 1.8 พันล้านดอลลาร์ อยู่เพียงอันดับที่ 4 เท่านั้น
ด้วยแรงหนุนจากรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ที่สนับสนุนอุตสาหกรรมการเงิน เทคโนโลยี และคริปโตอย่างแข็งขัน IPO ของ Klarna (KLAR), Gemini (GEMI) และ Figure (FIGR) ในสัปดาห์หน้า อาจกลายเป็นดาวเด่นของตลาด
Klarna บริษัทฟินเทคจากสวีเดนที่กำลังบุกตลาดสหรัฐฯ มีคู่แข่งหลักคือ Affirm และ Afterpay ของ Block การกลับมาของ Klarna ในครั้งนี้คาดว่าจะได้มูลค่าประมาณ 14 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่ามูลค่า 45.6 พันล้านดอลลาร์ที่เคยตั้งเป้าไว้ในปี 2021 อย่างมาก
แม้ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq จะทำจุดสูงสุดใหม่หลายครั้งในปีนี้ แต่หุ้นของ Affirm ซึ่งเป็นผู้นำในตลาด “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” กลับร่วงลงกว่า 35% ตั้งแต่ต้นปี สะท้อนถึงความท้าทายของอุตสาหกรรมภายใต้ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมหภาค
นักวิเคราะห์ของ Mizuho ชี้ว่า Klarna ใช้กลยุทธ์ต่างจาก Affirm โดยมุ่งเน้นให้ผู้บริโภคแบ่งชำระสินค้าเป็นงวดมากกว่า ในขณะที่ Affirm พึ่งพารายได้จากสินเชื่อที่มีดอกเบี้ยเป็นหลัก
เพื่อชดเชยผลกระทบจากการขยายธุรกิจในตลาดสหรัฐฯ Klarna ได้ขยายพอร์ตสินค้า โดยเปิดตัวแพ็กเกจโทรศัพท์มือถือไม่จำกัดในสหรัฐฯ เมื่อเดือนมิถุนายน และเข้าร่วมกับฟินเทคอื่นอย่าง Revolut ที่รุกเข้าสู่ธุรกิจโทรคมนาคม นอกจากนี้ Klarna ยังเปิดตัวบัตรเดบิต “Klarna Card” ซึ่งสะท้อนการปรับตัวสู่การเป็นธนาคารดิจิทัลเต็มรูปแบบ
Figure เริ่มต้นจากธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภค ปัจจุบันดำเนินธุรกิจหลักผ่านเครือข่าย Provenance โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์การเงินบนบล็อกเชน เช่น สินเชื่อบ้าน (Home Equity Loan), การแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (Asset Securitization), ตลาดสินเชื่อผู้บริโภค Figure Connect, ตลาดกู้ยืมบนบล็อกเชน Democratized Prime และเหรียญ Stablecoin ที่ให้ผลตอบแทน YLDS
ต่างจากค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เวลาประมาณ 42 วัน Figure สามารถอนุมัติและโอนเงินกู้บ้านได้ภายใน 10 วัน แม้ขาดทุนสุทธิเพิ่มจาก 13 ล้านดอลลาร์ในครึ่งปีแรกปีก่อน เป็น 29 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ แต่นักวิเคราะห์มองว่ากลุ่มนักลงทุนของธุรกิจนี้มักมีความอดทน เพราะคาดหวังศักยภาพระยะยาวที่สดใส
นักวิเคราะห์จาก IPO Boutique ระบุว่า ศักยภาพระยะยาวจะชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่ออุปสรรคด้านกฎระเบียบถูกขจัด และอัตราการยอมรับการเงินบนบล็อกเชนยังคงเติบโตต่อเนื่อง
ในบรรยากาศที่รัฐบาลทรัมป์สนับสนุนการเงินนวัตกรรม Figure จึงถูกมองว่ามีอนาคตสดใส ด้วยโมเดลธุรกิจที่ผสมผสานความเป็น “บริการการเงินที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ” เข้ากับ “ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีบล็อกเชน”
Gemini ก่อตั้งในปี 2014 โดยสองพี่น้องมหาเศรษฐี Cameron และ Tyler Winklevoss ซึ่งมีชื่อเสียงจากการมีส่วนร่วมในช่วงแรกของ Facebook
จุดขายของ Gemini คือความเข้มงวดด้านกฎระเบียบ ความปลอดภัยของสินทรัพย์ และประสบการณ์ผู้ใช้ หากการ IPO สำเร็จ จะกลายเป็นตลาดซื้อขายคริปโตที่ได้รับการกำกับดูแลรายที่สามที่เข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่อจาก Coinbase และ Bullish
นักวิเคราะห์ชี้ว่า หลังจาก Circle และ Bullish เข้าตลาด บวกกับตลาดโดยรวมที่แข็งแกร่งและภาวะตลาดกระทิงในคริปโต ตอนนี้ถือเป็นจังหวะเหมาะสมที่บริษัทคริปโตพิจารณาการเข้าตลาดหุ้น
เนื้อหานี้แปลโดย AI ซึ่งอาจมีข้อผิดพลาดจากข้อจำกัดทางเทคโนโลยีและภาษา จึงไม่สามารถรับประกันความถูกต้อง และความสมบูรณ์ของเนื้อหาได้ทั้งหมด ในการนำข้อมูลไปใช้ โปรดอ้างอิงจากต้นฉบับ และใช้วิจารณญาณประกอบการตัดสินใจ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือความเข้าใจผิดใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้เนื้อหาดังกล่าว