ฟิวเจอร์ปรับลง, ฟอร์ดยกเลิกแนวโน้ม, พาลันเทียร์รายงานผล - อะไรกำลังขับเคลื่อนตลาด

Investing.com — ฟิวเจอร์หุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนรอผลประกอบการบริษัทชุดใหม่และการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางหลายแห่งในสัปดาห์นี้ แผนภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเป็นประเด็นสําคัญ โดยเฉพาะกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์อย่างฟอร์ดที่ยกเลิกแนวโน้มประจําปีเนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษี ขณะเดียวกัน หุ้นของพาลันเทียร์ (NASDAQ:PLTR) ปรับตัวลดลงในการซื้อขายช่วงนอกเวลาแม้ว่ากลุ่มข้อมูลและการวิเคราะห์จะปรับเพิ่มแนวโน้มทั้งปีก็ตาม

1. ฟิวเจอร์ปรับลง

ฟิวเจอร์หุ้นสหรัฐฯ ชี้ทิศทางลดลงในวันอังคาร ขณะที่นักลงทุนประเมินผลประกอบการบริษัทล็อตใหม่เพื่อหาสัญญาณผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากวาระการค้าของทรัมป์

ณ เวลา 03:40 น. (07:40 น. ตามเวลาไทย) สัญญาฟิวเจอร์ Dow ลดลง 104 จุด หรือ 0.3% ฟิวเจอร์ S&P 500 ลดลง 24 จุด หรือ 0.4% และฟิวเจอร์ Nasdaq 100 ลดลง 130 จุด หรือ 0.7%

ดัชนีหลักปรับตัวลดลงเมื่อวันจันทร์ ทําให้สิ้นสุดช่วงการปรับตัวขึ้นเก้าวันติดต่อกัน ซึ่งเป็นช่วงที่ยาวนานที่สุดในรอบสองทศวรรษ ความเชื่อมั่นถูกกระทบจากการประกาศของทรัมป์เกี่ยวกับภาษีใหม่ 100% สําหรับภาพยนตร์ที่ผลิตในต่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้หุ้นบริษัทสื่อ เช่น Netflix (NASDAQ:NFLX) และ Walt Disney (NYSE:DIS) ปรับตัวลดลงโดยเฉพาะ แม้ว่ายังคงมีความหวังว่าภาษีของทําเนียบขาวจะไม่รุนแรงอย่างที่หลายคนกังวล

ตัวเลขกิจกรรมในภาคบริการสําคัญของสหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นมากกว่าสองในสามของผลผลิตทางเศรษฐกิจ แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งบ่งชี้ว่าธุรกิจอาจสามารถสลัดผลกระทบจากภาษีได้ อย่างไรก็ตาม ตัวชี้วัดราคาที่บริษัทบริการจ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งเพิ่มความกังวลว่าภาษีอาจกระตุ้นแรงกดดันเงินเฟ้อ

รัฐมนตรีคลัง สก็อตต์ เบสเซนท์ กล่าวในการประชุมว่า ภาษี รวมถึงการลดภาษีและการลดกฎระเบียบ จะช่วยเอาชนะความปั่นป่วนในตลาดระยะสั้น

ในหุ้นรายตัว หุ้นของ Berkshire Hathaway (NYSE:BRKb) (NYSE:BRKa) ปรับตัวลดลงหลังจาก CEO ระยะยาวและนักลงทุนในตํานานกล่าวว่าเขาจะลงจากตําแหน่งในสิ้นปีนี้

ตลาดยังคงจับตาการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ รวมถึงประกาศจากธนาคารกลางอื่นๆ ทั่วโลก

2. ฟอร์ดยกเลิกแนวโน้ม

Ford Motor (NYSE:F) ตัดแนวโน้มทั้งปีเนื่องจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สหรัฐฯ ระบุถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเนื่องจากภาษีของทรัมป์

หุ้นของกลุ่มซึ่งรายงานหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิด ปรับตัวลดลงในการซื้อขายช่วงนอกเวลา

ในการพูดคุยกับนักวิเคราะห์หลังการรายงานผลประกอบการ CEO จิม ฟาร์เลย์ ระบุว่ายังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าคู่แข่งของฟอร์ดจะตอบสนองต่อภาษีอย่างไร แต่กล่าวว่าผู้ผลิตรถยนต์ที่มี "ฐานในสหรัฐฯ ใหญ่ที่สุด" จะได้เปรียบ

เมื่อต้นเดือนนี้ GM ลดแนวโน้มกําไรและ Stellantis (NYSE:STLA) บริษัทแม่ของ Jeep ถอนการคาดการณ์ทางการเงิน พร้อมกับฟอร์ด ทั้งสามบริษัทเป็นที่รู้จักกันในนาม Big 3 ผู้ผลิตรถยนต์ในดีทรอยต์

ทรัมป์ได้กําหนดภาษีสูงสําหรับรถยนต์และชิ้นส่วนจากต่างประเทศเพื่อฟื้นฟูงานในภาคการผลิตในสหรัฐฯ แม้ว่าเขาได้อนุมัติการผ่อนปรนบางส่วนหลังจากการล็อบบี้อย่างหนักจากอุตสาหกรรมรถยนต์

รายได้สุทธิในไตรมาสแรกของฟอร์ดลดลงเหลือ 471 ล้านดอลลาร์จาก 1.3 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า ขณะที่รายรับลดลงเหลือ 40.7 พันล้านดอลลาร์แต่ยังสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

3. หุ้นพาลันเทียร์ดิ่งลงแม้จะเพิ่มแนวโน้มยอดขาย

พาลันเทียร์ เทคโนโลยี ปรับเพิ่มแนวโน้มยอดขายประจําปี แต่หุ้นของบริษัทข้อมูลที่มุ่งเน้น AI ดิ่งลงในการซื้อขายหลังเวลาทําการเนื่องจากตัวเลขรายไตรมาสที่ทําให้ความคาดหวังสูงของตลาดผิดหวัง

บริษัทซึ่งมีบริการสําหรับลูกค้าภาครัฐ ได้รับประโยชน์อย่างมากจากความกระตือรือร้นเกี่ยวกับธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI หุ้นพุ่งขึ้นมากกว่า 60% ในปีนี้ โดยนักลงทุนหวังว่า AI จะสนับสนุนการเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาลในเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน

นักวิเคราะห์ได้ระบุก่อนผลประกอบการว่าการพุ่งขึ้นของราคาหุ้นพาลันเทียร์เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าความคาดหวังสําหรับตัวเลขนั้นสูง

กําไรต่อหุ้นที่ปรับแล้วอยู่ที่ 0.13 ดอลลาร์สําหรับไตรมาสแรก ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ ตามข้อมูลของ LSEG ที่อ้างโดยรอยเตอร์ รายรับ 883.9 ล้านดอลลาร์สูงกว่าประมาณการที่ 862.8 ล้านดอลลาร์เล็กน้อย

พาลันเทียร์ ซึ่งตั้งอยู่ใน Colorado และร่วมก่อตั้งโดยมหาเศรษฐีเทคโนโลยี ปีเตอร์ ธีล คาดการณ์ยอดขายสําหรับทั้งปีที่ 3.89 พันล้านดอลลาร์ถึง 3.90 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 3.74 พันล้านดอลลาร์และ 3.76 พันล้านดอลลาร์

ในที่อื่น ๆ ผลประกอบการจํานวนมากมีกําหนดออกมาในวันอังคาร รวมถึงผลประกอบการจากผู้ผลิตชิป Advanced Micro Devices (NASDAQ:AMD) และบริษัทเครือข่ายคอมพิวเตอร์ Arista Networks (NYSE:ANET)

4. DoorDash เข้าซื้อ Deliveroo

DoorDash (NASDAQ:DASH) ตกลงที่จะซื้อ Deliveroo (LON:ROO) คู่แข่งจากอังกฤษในราคา 2.9 พันล้านปอนด์ (3.86 พันล้านดอลลาร์) เพื่อขยายขอบเขตของบริการจัดส่งทั้งสองและรับมือกับการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น

ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลง ผู้ถือหุ้น Deliveroo จะได้รับเงินสด 180 เพนนีต่อหุ้น Deliveroo บริษัทกล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร

มูลค่าของธุรกรรมคิดเป็นส่วนต่างประมาณ 44% เมื่อเทียบกับราคาปิดของหุ้น Deliveroo ในวันที่ 4 เม.ย. ซึ่งเป็นวันทําการสุดท้ายก่อนการส่งจดหมายเสนอซื้อจาก DoorDash ถึง Deliveroo

"เราจะครอบคลุมมากกว่า 40 ประเทศที่มีประชากรรวมกันมากกว่า 1 พันล้านคน ทําให้เราสามารถให้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่จําเป็นแก่ธุรกิจท้องถิ่นมากขึ้นเพื่อให้พวกเขาเติบโต" โทนี่ ซู CEO ของ DoorDash กล่าว

การซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยเสริมการดําเนินงานของ DoorDash ในยุโรปโดยเฉพาะ ซึ่งคู่แข่งอย่าง Just Eat Takeaway และ Uber (NYSE:UBER) Eats มีการแข่งขันที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว

5. น้ํามันฟื้นตัว

ราคาน้ํามันปรับตัวขึ้นในวันอังคาร ฟื้นตัวหลังจากการลดลงอย่างรุนแรงในวันก่อนหน้าหลังจากการตัดสินใจของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ที่จะเร่งการเพิ่มผลผลิต ซึ่งสร้างความกังวลเรื่องอุปทานล้นตลาด

ณ เวลา 03:41 น. สัญญาฟิวเจอร์ Brent เพิ่มขึ้น 2.2% มาอยู่ที่ 61.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และสัญญาฟิวเจอร์น้ํามันดิบสหรัฐฯ West Texas Intermediate เพิ่มขึ้น 2.3% มาอยู่ที่ 58.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาอ้างอิงทั้งสองปิดที่ระดับต่ําสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2021 เมื่อวันจันทร์ เนื่องจากการตัดสินใจในช่วงสุดสัปดาห์ขององค์การประเทศผู้ส่งออกน้ํามันและพันธมิตร หรือที่รู้จักกันในชื่อ OPEC+ ที่จะประกาศการเพิ่มการผลิตที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก

ซาอุดิอาระเบีย ผู้ส่งออกน้ํามันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก กําลังจะนํากลุ่มในการยกเลิกการลดการผลิตที่ดําเนินมากว่าสองปี โดยสมาชิก OPEC+ หลายรายมองหาการเพิ่มปริมาณการขายเพื่อชดเชยราคาน้ํามันที่อ่อนตัวลง

บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน