"ศิลปะแห่งการเจรจา" หรือเพียงแค่การถอยหนีด้วยความกังวล?

Investing.com — การฟื้นตัวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันพุธที่ผ่านมาถือเป็นประวัติศาสตร์หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเลื่อนการใช้มาตรการภาษีตอบโต้ที่รุนแรงกับทุกประเทศยกเว้นจีน ดัชนี S&P 500 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008 ที่ 9.5% และดัชนี PHLX Semiconductor มีวันที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 18.7% พร้อมสถิติน่าทึ่งอื่นๆ อีกมากมาย

เวลา 13:18 น. ทรัมป์ได้ปล่อย "ความจริงที่ดังไปทั่วโลก" ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นการฟื้นตัวครั้งใหญ่

"จากการที่จีนแสดงความไม่เคารพต่อตลาดโลก ผมขอประกาศเพิ่มอัตราภาษีที่สหรัฐอเมริกาเรียกเก็บจากจีนเป็น 125% โดยมีผลทันที" ทรัมป์กล่าว "ในทางกลับกัน... ผมได้อนุมัติการหยุดพัก 90 วัน และลดภาษีตอบโต้ลงอย่างมากเหลือ 10% ในช่วงเวลานี้ โดยมีผลทันทีเช่นกัน"

ท่ามกลางความมืดมนตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว จังหวะเวลาของการประกาศนี้ถือว่าสมบูรณ์แบบ นํามาซึ่งการซื้อขายอย่างมหาศาลและการปิดสถานะขายชอร์ตครั้งใหญ่

เรื่องทั้งหมดนี้เป็นแผนการอันยิ่งใหญ่และงดงาม หรือทรัมป์ยอมแพ้หลังจากเล่นเกมไก่กับตลาด?

บางคนในคณะบริหารพยายามอธิบายว่านี่คือ 'ศิลปะแห่งการเจรจา' หนังสือชื่อดังของทรัมป์ที่อธิบายกลยุทธ์การเจรจาต่อรองเชิงรุกของเขา

"หลายคนในสื่อมวลชนพลาดการอ่าน The Art of the Deal อย่างชัดเจน" แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทําเนียบขาวกล่าวหลังจากข่าวนี้ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังกล่าวว่า "นี่เป็นกลยุทธ์ของ [ประธานาธิบดีทรัมป์] มาตลอด คุณอาจกล่าวได้ว่าเขายั่วยุให้จีนตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ พวกเขาแสดงให้เห็นว่าตัวเองเป็นผู้กระทําที่ไม่ดี"

แม้แต่บุคคลนอกคณะบริหารก็ยังชื่นชมประธานาธิบดี บิล แอคแมน ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์กล่าวว่า "นี่เป็นการดําเนินการที่ชาญฉลาดโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นไปตามตํารา Art of the Deal" เขากล่าวเสริมว่า "ประโยชน์ของวิธีการของประธานาธิบดีทรัมป์คือเราเข้าใจแล้วว่าใครคือคู่ค้าที่เราชื่นชอบ และใครคือปัญหา จีนแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นผู้กระทําที่ไม่ดี"

เจมส์ ธอร์น หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดที่ Wellington-Altus กล่าวว่า "ทรัมป์ได้ส่งเสริมการเจรจาและลดความตึงเครียดในตลาด ในขณะเดียวกันก็โดดเดี่ยวจีนด้วยการเพิ่มภาษีอย่างมีนัยสําคัญเป็น 125% นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวนี้ยังเป็นกลยุทธ์ที่สะท้อนเกมหมากล้อมของจีน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสําคัญที่ ดร. คิสซิงเจอร์ได้เน้นย้ํา"

คนอื่นๆ คิดว่าประธานาธิบดียอมแพ้ต่อแรงกดดันของตลาด โดยเฉพาะตลาดพันธบัตร ซึ่งเห็นอัตราผลตอบแทนพุ่งสูงขึ้นหลังจากที่เริ่มต้นด้วยแนวโน้มที่ต่ําลง

"เมื่อตลาดพันธบัตรล่มสลาย เรื่องราวทั้งหมดของพวกเขาก็ล่มสลายไปด้วย" มาร์โก โคลาโนวิช อดีตหัวหน้านักกลยุทธ์ระดับโลกที่ J.P. Morgan บอกกับ MarketWatch "ข้ออ้างแรกของพวกเขาคือ 'โอ้ มันใช้ได้ผลกับพันธบัตร'... ตลาดพันธบัตรน่าจะเป็นตัวบังคับให้พวกเขาต้องทํา"

ทรัมป์อ้างถึงตลาดพันธบัตรที่ "เริ่มรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย" เมื่อถูกถามว่าการเคลื่อนไหวในตลาดพันธบัตรเป็นแรงผลักดันให้เขาตัดสินใจประกาศหยุดพัก 90 วันหรือไม่

"ตลาดพันธบัตรนั้นซับซ้อนมาก" ทรัมป์กล่าว "ผมกําลังจับตาดูอยู่ แต่ถ้าคุณดูตอนนี้ มันสวยงาม ตลาดพันธบัตรตอนนี้สวยงามมาก แต่เมื่อคืนผมเห็นว่าผู้คนเริ่มรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย"

โดยรวมแล้ว การเคลื่อนไหวของทรัมป์ถูกยกย่องว่าเป็นชัยชนะ แต่การเข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรและทําไมจะเป็นสิ่งสําคัญสําหรับนักลงทุนในอนาคต

บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน