- ดัชนีดาวโจนส์ทะยานกว่า 400 จุด เนื่องจากนักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
- ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นในเดือนกันยายน ส่งผลบวกต่อตลาด หุ้น
- นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 400 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า เมื่อเวลา 22.52 น. ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 41,519.59 จุด บวก 422.82 จุด หรือ 1.03%
ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 69.0 ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 68.3 จากระดับ 67.9 ในเดือนสิงหาคม ความเชื่อมั่นดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ รวมทั้งการคาดการณ์ว่า นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐและตัวแทนพรรคเดโมแครตจะมีโอกาสคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
นักลงทุนมีการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.50% ในสัปดาห์หน้า หลังจากการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่สูงกว่าคาดการณ์ในสัปดาห์นี้ ตามข้อมูลจาก FedWatch Tool ของ CME Group นักลงทุนให้น้ำหนัก 49% ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 18 กันยายน เพิ่มขึ้นจาก 28% เมื่อวานนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้น้ำหนัก 51% ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 18 กันยายน ลดลงจาก 72% เมื่อวานนี้ หากเฟดลดอัตราดอกเบี้ยตามคาดในการประชุมวันที่ 17-18 กันยายน ก็จะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้และครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งเฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงใกล้ 0% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นายโจน ฟอสต์ ที่ปรึกษาอาวุโสของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ระบุในบทความที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอนัลว่า หากเจ้าหน้าที่เฟดได้ข้อสรุปว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคม พวกเขาควรดำเนินการดังกล่าวในขณะนี้ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยอยู่ห่างไกลจากจุดหมายปลายทาง
นายฟอสต์ยังระบุว่า แม้เขาคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่จำเป็นต้องให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% แต่ก็มีความโน้มเอียงเล็กน้อยที่ต้องการให้เฟดเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% พร้อมเสริมว่า "และผมยังคงคิดว่ามีโอกาสที่เฟดจะดำเนินการดังกล่าวเช่นกัน"
ความคิดเห็นของนายฟอสต์สอดคล้องกับนายบิล ดัดลีย์ อดีตประธานเฟด สาขานิวยอร์ก ซึ่งกล่าวว่า มีโอกาสอย่างมากที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.50% ในการประชุมสัปดาห์หน้า "ผมคิดว่ามีโอกาสอย่างมากที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ไม่ว่าพวกเขาจะทำเช่นนั้นหรือไม่ก็ตาม" นายดัดลีย์กล่าว นอกจากนี้ นายดัดลีย์ระบุว่า ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยอยู่สูงกว่าระดับที่เป็นกลางราว 1.50-2.00%